รีวิว Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 2024 ใหม่ คำเดียวสั้นๆ "The Best of Hilux"

ทดลองขับ Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 รุ่นปี 2024 ใหม่ ไกลถึงประเทศออสเตรเลีย กับช่วงล่างแบบ Wide Tread ที่ปรับจูนเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น พ่วงเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ที่รีดกำลังสูงสุดเป็น 224 แรงม้า กับค่าตัว 1,499,000 บาท จะสมราคาขนาดไหนไปติดตามกับ Sanook Auto ได้ในบทความนี้ครับ

Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 เวอร์ชัน Wide Tread ถูกเปิดตัวในไทยเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นการติดตั้งชุดแต่งเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า หากแต่เป็นการพัฒนาเพื่อการขับขี่แบบ Off-road อย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด "High-speed off road, sporty on-road" หมายถึงเป็นรถที่สามารถขับออฟโรดที่ความเร็วสูงได้ ควบคู่ไปกับการขับขี่แบบสปอร์ตบนทางออนโรด

สาเหตุสำคัญที่เราต้องข้ามทวีปไปทดลองขับ Revo GR Sport 4x4 ไกลถึงประเทศออสเตรเลีย เป็นเพราะรถคันนี้ได้รับการพัฒนาโดย Toyota Australia นั่นเอง เนื่องจากภูมิประเทศของทวีปออสเตรเลียกว่า 70% เป็นพื้นที่ทุรกันดารที่ไม่มีคนอยู่อาศัย หรือที่เรียกกันว่า Outback โดยประชากรส่วนมากจะอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ขอบชายฝั่งเท่านั้น ส่วนพื้นที่กลางทวีปจะมีลักษณะเป็นไข่แดงที่แทบไม่มีคนอาศัยอยู่เลย

>> พาส่อง Toyota Hilux GR-S ทำจาก "ดินเหนียว" ก่อนจะกลายเป็นรถขายจริง

แน่นอนว่าการเดินทางผ่านพื้นที่ Outback เช่นนี้ รถยนต์ที่ใช้จำเป็นต้องมีความสมบุกสมบัน รองรับสภาพพื้นผิวถนนได้หลากหลาย และที่สำคัญจะต้องมีความทนทานสูงเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเดินทางไปยังจุดหมายได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นแล้วหากรถเกิดมีปัญหาระหว่างทาง ก็จะกลายเป็นความลำบากแก่ผู้เดินทางไม่น้อยทีเดียว

ช่วงล่างถูกอัปเกรดจนแทบจะเป็นรถคนละคัน!

จุดเด่นสำคัญของ Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 ก็คือคำว่า "Wide Tread" นี่แหละ เพราะได้มีการขยายความกว้างช่วงล้อคู่หน้าเพิ่มขึ้น 140 มิลลิเมตร (เวอร์ชันออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 135 มม.) และคู่หลังเพิ่มขึ้น 155 มิลลิเมตร รวมถึงมีความสูงจากพื้นถนนเพิ่มขึ้น 37 มิลลิเมตร และออกแบบให้ด้านหน้ารถเชิดขึ้นจาก 29 องศา เป็น 30 องศา ส่งผลให้มีความสูงจากพื้นขึ้นอีก 20 มิลลิเมตร รองรับการขับขี่แบบออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น

ช่วงล่างด้านหน้าถูกติดตั้งโช้กอัปแบบ Monotube (ซึ่งเวอร์ชันออสเตรเลียเลือกใช้ยี่ห้อ KYB) พร้อมปรับจูนคอยล์สปริง ส่วนช่วงล่างด้านหลังยังคงเป็นแหนบ ติดตั้งระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ตกแต่งด้วยคาลิเปอร์สีแดง และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วดีไซน์เฉพาะรุ่น หุ้มด้วยยาง Bridgestone Dueler A/T ขนาด 265/65 R17 (เวอร์ชันไทยเป็นยาง BF Goodrich All-terrain T/A KO2)

ปรับดีไซน์ภายนอก-ภายในเน้นความสปอร์ต

การปรับเปลี่ยนช่วงล่างของ Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 ส่งผลให้ทีมออกแบบจำเป็นต้องดีไซน์ซุ้มล้อใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่รองรับความกว้างของล้อที่เพิ่มขึ้น แต่ยังช่วยทำให้รูปลักษณ์ของตัวรถดูบึกบึนแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

ขณะที่กันชนหน้าก็ต้องมีการออกแบบใหม่เช่นกัน เนื่องจากความกว้างที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้พื้นที่ปะทะลมย่อมมากขึ้นตามไปด้วย จึงได้มีการออกแบบให้มีครีบอากาศ หรือ Air curtain บริเวณปลายกันชนทั้งสองข้าง ช่วยระบายอากาศไปยังด้านข้างตัวรถได้สะดวกขึ้น จะช่วยลดแรงต้านอากาศลงได้นั่นเอง

ดีไซน์ด้านหน้ายังมีการปรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น GR Sport ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ตาข่าย G-Mesh ตกแต่งด้วยสีดำ กันชนท้ายตกแต่งด้วยสีดำ และเวอร์ชันไทยจะได้สปอร์ตบาร์สีดำเหนือกระบะท้ายเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเวอร์ชันออสเตรเลียไม่มี

Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 เวอร์ชันไทย

ขณะที่รายละเอียดที่แตกต่างกันระหว่างเวอร์ชันออสเตรเลียและไทย คือ ออสเตรเลียจะได้ชุดลากจูงเทรลเลอร์ที่กระบะท้าย แผ่นกันกระแทกใต้เครื่องยนต์สีเงิน หน้าตาบันไดข้างที่แตกต่างกัน รวมถึงไลน์เนอร์กระบะท้ายที่เวอร์ชันออสเตรเลียจะถูกตกแต่งด้วยโลโก้ GR ส่วนเวอร์ชันไทยจะได้เป็นโลโก้สามห่วงของโตโยต้าแทน

สปอร์ตบาร์ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชันไทย

อุปกรณ์มาตรฐาน Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 (เวอร์ชันไทย)

  • ไฟหน้า Bi-Beam LED
  • ไฟท้าย LED Light Guiding
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อม Follow-me-home
  • ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า พร้อม Welcome Light
  • ระบบปัดน้ำฝนปรับตั้งหน่วงเวลาได้
  • ห้องโดยสารตกแต่งสีดำ
  • เบาะนั่งหุ้มหนัง Suede แบบเจาะรู สลับหนังสังเคราะห์
  • สัญลักษณ์ GR บริเวณพนักพิงศีรษะ
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต
  • เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า
  • เบาะนั่งด้านหลังแยกพับ 60:40
  • สายเข็มขัดนิรภัยสีแดง GR Sport
  • มือจับ 8 ตำแหน่ง
  • พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง
  • พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อม Center Mark สีแดง
  • แป้นคันเร่งแบบสปอร์ต
  • กุญแจ Smart Key ดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport
  • ระบบ Push Start และ Smart Entry
  • จอ MID แบบสี TFT
  • กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติพร้อมป้องกันหนีบ 4 บาน
  • โหมดการขับขี่ ECO / POWER
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
  • ช่องแอร์หลัง
  • ช่องเก็บของแบบ Cool Box
  • ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง
  • ช่องจ่ายไฟ 220 โวลต์ 1 ตำแหน่ง
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว
  • Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบ T-Connect
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • กล้องมองรอบคัน PVM
  • สัญญาณเตือนกะระยะหน้า-หลัง
  • ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
  • ระบบเบรก ABS / EBD / BA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
  • ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
  • ระบบควบคุมเฟืองท้าย Auto Limited Slip Differential
  • ระบบ Dynamic Radar Cruise Control
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลม / หัวเข่าผู้ขับขี่

เครื่องยนต์และเกียร์ถูกปรับจูนเฉพาะรุ่น GR Sport

Toyota Hilux GR Sport 4x4 มีการปรับจูนเครื่องยนต์และเกียร์เพื่อรีดพละกำลังได้ดียิ่งขึ้น โดยยังคงติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส 1GD-FTV ความจุ 2.8 ลิตร ที่รีดกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 224 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,800 รอบต่อนาที โดยภาพรวมแล้วมีพละกำลังเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีการปรับจูนเพื่อให้เหมาะสมกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโหมดสปอร์ตที่มีการ Mapping มาสำหรับรุ่น GR Sport โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการตอบสนองของคันเร่งให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีแป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัยมาให้ด้วย

ตะลุยดินแดน Outback รีดสมรรถนะตัวรถถึงขีดสุด

การทดสอบ Toyota Hilux GR Sport 4x4 ที่ประเทศออสเตรเลียครั้งนี้มีทั้งรูปแบบ On-road และ Off-road โดยมุ่งหน้าจาก Port Augusta ไปยังอุทยานแห่งชาติ Ikara-Flinders Ranges National Park รวมระยะทางเกือบ 250 กิโลเมตร

การขับขี่วันแรกจะเป็นการขับบนทาง On-road เสียส่วนใหญ่ โดยเส้นทางเกือบทั้งหมดจะมีลักษณะเป็น 2 เลนสวน ที่ถูกจำกัดความเร็วอย่างเข้มงวดสูงสุดไม่เกิน 110 กม./ชม. ซึ่งรถทุกคันจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะออสเตรเลียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเข้มงวดด้านกฎหมายจราจรมากที่สุดในโลก

การขับขี่บนทาง On-road สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือการตอบสนองของคันเร่งที่ค่อนข้างไว ทำให้อัตราเร่งช่วงตั้งแต่จุดหยุดนิ่งถึงราว 60 กม./ชม. มีความกระฉับกระเฉงกว่าที่คิดไว้ แต่ถึงกระนั้น ด้วยความกว้างของตัวรถที่เพิ่มขึ้นเป็น 2,020 มิลลิเมตร ก็ทำให้การขับขี่บนถนนเลนสวนต้องเพิ่มความระมัดระวังพอสมควรทีเดียว เพราะลำพังตัวรถก็แทบจะเต็มเลนอยู่แล้ว

ส่วนการทรงตัวบนทางเรียบก็ถือว่าทำได้ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากช่วงล่างสามารถเก็บอาการโคลงได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรุ่น Prerunner หรือ 4x4 ปกติ อันเป็นผลจากการขยายฐานล้อกว้างขึ้น และการปรับจูนช่วงล่างที่มีความหนึบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จะเรียกว่าเป็นกระบะ Hilux ที่มีช่วงล่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็คงไม่เกินจริง!

บางช่วงของการทดสอบจะมีสภาพถนนแบบลูกรัง โดยตลอดทางแม้ว่าจะค่อนข้างเรียบ แต่พื้นผิวถนนเต็มไปด้วยหินลอยขนาดเล็กกระจายตัวอยู่ห่างๆ ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้ผิวถนนมีความลื่นเป็นอย่างมาก แต่นักข่าวหลายท่านรวมถึงตัวผมเองก็ยังสามารถใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ได้อย่างมั่นใจ

ส่วนหนึ่งมาจากยางหน้ากว้าง ทำให้มีผิวสัมผัสกับพื้นถนนเยอะ และการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในโหมด H4 ที่ทำให้การถ่ายกำลังเป็นไปอย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนได้ดี แถมแรงสะเทือนจากพื้นถนนยังสะท้อนเข้ามายังห้องโดยสารในระดับต่ำ สมกับจุดขายความเป็น "High-speed off road"

จากนั้นวันที่ 2 ผมได้มีโอกาสทดสอบขับในรูปแบบออฟโรดกันบ้าง โดยสเตชันที่เป็นไฮไลต์ คือ ทางน้ำไหล หรือ Riverbed ซึ่งไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่เลย หากแต่เต็มไปด้วยร่องและหินที่รอให้ Hilux Revo GR Sport 4x4 ได้ปีนป่ายอุปสรรคกันอย่างเต็มที่

แม้ว่าทาง Instructor จะแนะนำให้ใช้โหมดการขับขี่แบบ L4 แต่เมื่อลองใช้โหมด H4 ก็พบว่าสามารถปีนป่ายอุปสรรคได้แบบไม่ยากเย็น ไม่ว่าจะเป็นร่องลึก หรือเนินชันมากแค่ไหน การเติมน้ำหนักคันเร่งเบาๆ ก็เพียงพอที่จะหมุนล้อตะกุยพาตัวรถผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างสบาย ซึ่งอันที่จริงผมแทบใช้รอบเครื่องยนต์ไม่ถึง 1,500 รอบต่อนาทีเสียด้วยซ้ำไป

ผมเองเป็นคนที่ไม่ได้มีทักษะในการขับขี่แบบออฟโรดเท่าไหร่นัก แต่ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และช่วงล่าง Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 ก็ทำให้การขับขี่ Off-road กลายเป็นเรื่องง่าย บางช่วงที่พื้นผิวมีความลื่นมากๆ ระบบ Traction control จะทำงานเพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี ทำให้การถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ทำได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกว่าไม่มีทักษะการขับขี่ออฟโรดก็สามารถผ่านไปได้อย่างสบาย

อีกสิ่งที่ค่อนข้างประทับใจ คือ ต่อให้เป็นร่องลึกมากขนาดไหน แต่ด้วยช่วงล่างที่ถูกยกสูงขึ้นจากรุ่นปกติ ทำให้การขับออฟโรดครั้งนี้ ตัวรถแทบไม่มีความเสียหายจากรอยขูดขีดเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเวอร์ชันออสเตรเลียจะถูกติดตั้งบันไดข้างที่มีความสูงจากพื้นถนนมากกว่าเวอร์ชันไทย (และแน่นอนว่าปีนขึ้นรถยากกว่าด้วย) แม้ว่าพื้นผิวบางช่วงจะทำให้ตัวรถมีอยู่ในท่าทางเอียงค่อนข้างมาก แต่ก็ยังรอดพ้นจากริ้วรอยได้อย่างสบาย

สรุปนี่คือรถกระบะ Toyota Hilux ที่มีช่วงล่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ตลอดระยะเวลาการพัฒนาของ Toyota Hilux ตั้งแต่เจเนอเรชันแรก มาจนถึงเจเนอเรชันที่ 8 ในปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่า Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 เป็นรถกระบะตระกูล Hilux ที่มีช่วงล่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ยิ่งเมื่อทำงานควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ที่มีการปรับจูนให้มีการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น ยิ่งทำให้รถคันนี้มีดีกรีพอจะเป็น "Boy Toy" ของใครหลายคนได้ไม่ยาก จะใช้เป็นรถในชีวิตประจำวันก็ได้ หรือจะขับไปลุยป่าตั้งแคมป์ช่วงสุดสัปดาห์ก็เข้าที

ส่วนตัวผมมองว่า Toyota Hilux อาจไม่ได้เป็นรถกระบะที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยเหมือนกับคู่แข่งบางค่าย แต่สิ่งที่ถือเป็นดีเอ็นเออยู่ในสายเลือดของกระบะรุ่นนี้มาอย่างยาวนาน คือความแข็งแกร่ง ทนทาน การบำรุงรักษาที่ไม่ซับซ้อน ซ่อมง่ายไม่จุกจิก เหล่านี้ต่างหากที่ทำให้ Toyota Hilux กลายเป็นรถกระบะที่ครองใจคนทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

สนนราคาจำหน่าย Toyota Hilux Revo GR Sport 4x4 รุ่นปี 2024 อยู่ที่ 1,499,000 บาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.