รถอายุ 10 ปี จะไปต่อหรือพอแค่นี้?
ทุกวันนี้บ้านเรามีรถรุ่นใหม่ทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ทำราคามาแสนจะยั่วยวนใจ เชิญชวนให้เดินเข้าโชว์รูมวางเงินจองเสียจริง ส่งผลให้ผู้ที่ใช้รถเก่าอายุเกิน 10 ปี เริ่มคิดอยากจะเปลี่ยนรถคันใหม่ เก็บเอาค่าซ่อมไปเป็นค่าดาวน์แทน บ้างก็ว่ายอมจ่ายค่าซ่อมดีกว่าต้องมาผ่อนคันใหม่อีกหลายปี บทความนี้ Sanook Auto มีข้อแนะนำดีๆ มาฝากกันครับ
รถอายุ 10 ปี ควรซ่อมใช้ต่อหรือพอแค่นี้?
หากว่ากันตามตรงแล้วรถยนต์อายุ 10 ปี หากได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี ก็ยังสามารถใช้งานไปได้เรื่อยๆ (เว้นแต่รถที่ใช้งานหนักจริงๆ ประเภท 2 ปี วิ่งไปแล้ว 100,000 กม. อันนี้คงต้องว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง) โดยเฉพาะรถที่มีการเช็กระยะเป็นประจำสม่ำเสมอ เปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ตามที่ช่างแนะนำตลอด อันนี้รับรองว่ายังคงขับดีไม่แพ้รถป้ายแดงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี รถยนต์ก็เหมือนกับสมาร์ทโฟนที่มีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา รถรุ่นใหม่ๆ ต่างก็มีออปชันอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น (เห็นได้ชัดๆ อย่างกุญแจ Smart Key หรือระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ที่แทบจะกลายเป็นฟังก์ชันพื้นฐานไปแล้ว)
จึงไม่แปลกที่หลายคนแม้ว่ารถคันเดิมจะยังคงใช้งานได้ดี แต่ก็เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่เพื่อแลกกับความสบายใจในการบำรุงรักษา และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้นการซื้อรถคันใหม่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วย
สิ่งสำคัญกว่ารายได้ คือ "ความมั่นคง"
หากคุณมีเงินก้อนมากพอที่จะซื้อรถเงินสดได้คงไม่ต้องเป็นห่วงข้อนี้ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ยังคงต้องพึ่งพาไฟแนนซ์เพื่อผ่อนจ่ายเป็นรายเดือนแล้วล่ะก็ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ "เงินเดือน" ที่ได้ในแต่ละเดือน หากแต่เป็น "ความมั่นคง" ในระยะยาวมากกว่า เพราะคุณเองทราบดีอยู่แล้วว่าเงินเดือนของคุณเหมาะสมที่จะซื้อรถราคาเท่าไหร่ แต่สำคัญกว่าคือคุณจะยังคงได้รับเงินเดือนในเรตดังกล่าวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตลอดการผ่อนรถหรือเปล่า
เพราะหากว่าจู่ๆ ผ่อนรถไปได้ครึ่งทาง แต่สุดท้ายกลับถูกเลิกจ้างหรือปิดกิจการ จะหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ อีกมากมาย แล้วรถจะผ่อนต่อไหวหรือไม่ เพราะสุดท้ายหากหน้ามืดตามัวไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาผ่อนต่อ ปล่อยให้รถถูกยึดไปดื้อๆ แล้วล่ะก็ จะส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้เสีย ถูกฟ้องร้องเรียกค่าส่วนต่างตามมา อนาคตจะไปกู้ซื้อบ้าน หรือขอสินเชื่อก็แทบหมดโอกาส
อยากมีรถใหม่ต้องมีเงินเก็บสำรอง
หากตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ซ่อมรถคันเก่า แต่จะหันไปดาวน์รถป้ายแดงคันใหม่แทน นอกจากที่คุณจะต้องมีเงินดาวน์แล้วล่ะก็ คุณจะต้องมีเงินเก็บสำรองเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพราะแม้ว่าในช่วง 3 ปีแรกของการเป็นเจ้าของรถป้ายแดง คุณแทบจะไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมรถเลย แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช็กระยะ, ค่าประกันภัยชั้น 1, ค่าต่อภาษีประจำปี ฯลฯ ยังไม่นับรวมว่าหากรายได้เกิดหดหายกะทันหัน ก็ยังต้องควักเงินสำรองมาผ่อนจ่ายทุกเดือนเพื่อไม่ให้ถูกยึดรถอีก
เพื่อเป็นการสำรวจตนเองว่าจะผ่อนรถไหวหรือไม่นั้น ให้ลองเก็บเงินเท่ากับค่างวดรถคันใหม่สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ทุกเดือนอย่างน้อย 3-6 เดือน หากสุดท้ายแล้วคุณไม่ต้องแตะเงินก้อนดังกล่าวเลย ก็แสดงว่าคุณมีโอกาสที่จะผ่อนไหวไปตลอดรอดฝั่ง แถมยังนำมาเป็นเงินสำรองใช้ยามจำเป็นได้อีกด้วย แต่หากสุดท้ายแล้วคุณยังต้องหยิบเงินก้อนสำรองมาใช้แล้วล่ะก็ แบบนี้อนาคตการถอยรถใหม่คงไม่ดีในแน่นอนครับ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.