เพิ่งจะรู้! ทำไมซื้อรถ "สีขาวมุก" ต้องเพิ่มเงินจากสีอื่น

     ปฏิเสธไม่ได้ว่า “สีสัน” ของตัวรถสามารถส่งผลต่อความสวยงามโดยรวมของรถแต่ละรุ่นได้ รถบางรุ่นอาจเหมาะกับโทนสีอ่อน ขณะรถบางรุ่นอาจดูสวยงามลงตัวกว่าเมื่อเป็นสีเข้ม นี่ยังไม่รวมปัจจัยในเรื่องของ “โชคลาง” ที่คนจำนวนไม่น้อยยึดถือเป็นสำคัญ แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมสีตัวถังบางสี เช่น สีขาวมุก ถึงต้องเพิ่มเงินจากปกติสูงถึงหลักหมื่นบาท แบบนี้ถือว่าผู้ผลิตรถยนต์เอาเปรียบหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน

ทำไมสีขาวมุกถึงต้องเพิ่มเงินจากปกติ?

     ปกติแล้วสีรถยนต์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สี Solid และสี Metallic ซึ่งสีทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยที่สี Solid (หรือ Non-metallic) จะมีลักษณะเป็นสีพื้น ไม่มีส่วนผสมของเมทัลลิกช่วยสร้างความแวววาว ซึ่งกระบวนการทำสีประเภทนี้จะมีต้นทุนต่ำ เนื่องจากจะเป็นการพ่นเนื้อสีลงบนชั้นรองพื้น จากนั้นจึงค่อยพ่นแล็กเกอร์เพื่อเคลือบสีเอาไว้เท่านั้น ดังนั้นสีประเภทนี้จึงมักพบได้ในรถขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีราคาไม่สูงนัก

     ส่วนสี Metallic จะมีส่วนผสมของผงอะลูมิเนียมช่วยสร้างความแวววาว โดยเฉพาะเมื่อกระทบกับแสงแดดหรือแสงไฟ ทำให้รถยนต์ดูมีความสวยงามมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนการทำสีประเภทนี้ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงกระนั้นผู้ซื้อรถก็มักไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ตัวถังสีเมทัลลิก เนื่องจากผู้ผลิตก็จะคิดรวมเข้าไปในมูลค่าของอยู่แล้ว เว้นแต่รถบางรุ่นที่มีการทำสีแบบพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีก ก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มเงินเพื่อแลกกับความสวยงามที่เพิ่มขึ้นมา

     ขณะที่สีขาวมุกจะมีความพิเศษยิ่งกว่าสีเมทัลลิก เนื่องจากมีส่วนผสมของผลึกเซรามิก ช่วยสะท้อนและหักเหแสงได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เนื้อสีดูมีความลุ่มลึกมากกว่าสีขาวธรรมดา อีกทั้งเมื่อกระทบกับแสงไฟก็จะเกิดเป็นประกายสีรุ้งคล้ายกับมุก จึงเป็นที่มาว่าทำไมผู้ผลิตจึงเรียกสีประเภทนี้ว่าสีขาวมุก แต่สีชนิดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าสีทั้งสองประเภทข้างต้น จึงเป็นที่มาว่าทำไมลูกค้าจึงต้องจ่ายเงินเพิ่มจากปกติเมื่อซื้อรถสีขาวมุกนั่นเอง

สีขาวมุกซ่อมยากจริงไหม?

     คำตอบคือ “จริง” เนื่องจากสีประเภทนี้มีกระบวนการผสมสีที่ซับซ้อนกว่า จนเรียกว่าเป็นสีปราบเซียนของอู่ซ่อมสีรถยนต์ทั่วไป การทำสีให้ออกมาเหมือนกับสีเดิม 100% ทำได้ค่อนข้างยาก มีโอกาสเพี้ยนสูง จำเป็นต้องพึ่งพาศูนย์ซ่อมสีของรถแต่ละยี่ห้อโดยตรง หรือไม่ก็ต้องเลือกอู่ทำสีที่มีความเชี่ยวชาญในการทำสีมุกเป็นพิเศษ เพื่อให้ชิ้นงานกลับมาใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

สีแต่ละประเภทส่งผลต่อราคาขายต่อหรือไม่?

     คำตอบคือ มีผลบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากการซื้อขายรถยนต์มือสองมักดูที่สภาพตัวถังเป็นหลัก แม้ว่าตัวรถจะเป็นสียอดนิยมอย่างสีขาว แต่หากตัวถังผ่านการทำสีเนื่องจากประสบอุบัติเหตุมา ก็มักจะถูกกดราคาให้ต่ำลงอยู่ดี แต่หากเป็นสีแปลกๆ เช่น สีแดง, สีเขียว ฯลฯ แต่หากรถยังคงอยู่ในสภาพดี ไม่เคยผ่านการทำสี มีการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี ก็สามารถทำราคาขายต่อได้ดีเช่นกัน

     ส่วนคุณผู้อ่านอยากจะให้รถคันใหม่มีสีอะไร ก็อย่าลืมคำนึงถึงการบำรุงรักษาและการซ่อมสีให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานของคุณเองด้วยนะครับ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.