ส.อ.ท.จี้รัฐ รื้อโครงสร้างราคาน้ำมันตั้งแต่หน้าโรงกลั่น แก้ปัญหาระยะยาว

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลดราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร ว่า ถือเป็นแนวทางที่ดีเพราะช่วยประชาชนผู้ใช้เบนซินในภาพรวม หลังจากลดราคาดีเซลไปแล้วก่อนหน้านี้ ทว่าต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วจะใช้เครื่องมือใดในการลดราคาระหว่างภาษีสรรพสามิตหรือกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หากเป็นภาษีอาจทำได้ระยะสั้นเพราะทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ 

ส่วนการใช้เครื่องมือผ่านกองทุนน้ำมันฯก็ทำได้ยากเพราะปัจจุบันกองทุนติดลบค่อนข้างมาก จากการอุดหนุนดีเซลและก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) โดยจะเห็นว่าทั้งสองแนวทางไม่ใช่การลดราคาที่มาจากการปรับโครงสร้างน้ำมัน ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณาการปรับโครงสร้างควบคู่กันไปและกำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจนว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

นายอิศเรศ กล่าวว่า รัฐบาลต้องรื้อโครงสร้างราคาน้ำมันตั้งแต่ราคาหน้าโรงกลั่นที่ใช้ราคาอ้างอิงราคาสำเร็จรูปสิงคโปร์ได้ แต่ไม่ควรรวมค่าขนส่ง เพราะประเทศไทยนำน้ำมันดิบมากลั่นเอง และต้องการให้ดูค่าการตลาดที่เหมาะสมด้วย

นอกจากการช่วยเหลือประชาชนในภาพรวมแล้ว รัฐบาลต้องทำมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีรายได้น้อย และ กลุ่มเปราะบางด้วย เพื่อให้กลุ่มนี้ดำรงชีพในภาวะต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ 

อย่างไรก็ตาม ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานระบุว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดวันที่ 15 ต.ค. 2566 ติดลบ 70,230 ล้านบาท จากบัญชีน้ำมันติดลบ 25,121 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจีติดลบ 45,109 ล้านบาท 

ทั้งนี้ แม้ว่ากองทุนมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 141.22 ล้านบาทต่อวัน แต่ก็มีเงินไหลออกจากการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลและแอลพีจี 364.66 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลให้ภาพรวมเงินไหลออกจากกองทุนฯ 223.44 ล้านบาทต่อวัน หรือคิดเป็น 6,703 ล้านบาทต่อเดือน

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.