GULF เซ็นขายไฟโซลาร์ฟาร์ม 649.3 MW กูรูมองบวกแนะเก็งกำไรสั้น
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯวันนี้(18 ต.ค.66)ว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) มีมติเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพื่อลดอัตราค่าไฟฟ้าและมุ่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดำเนินการประกาศรับซื้อไฟฟ้าตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง
ซึ่งกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นข้อเสนอตามระเบียบว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนดังกล่าว และได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนนั้น
บริษัทฯขอแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบว่าเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 กลุ่มบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมผ่าน "บริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด" ในสัดส่วนร้อยละ 100ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(Power Purchase Agreement) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) เป็นระยะเวลา 25 ปี เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms withbattery energy storage systems) จำนวนรวม 12 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 649.31 เมกะวัตต์
โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ระหว่างปี 2567 – 2568 ซึ่งโครงการดังกล่าวประกอบไปด้วย
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่าได้เข้าลงนามในสัญญา PPA กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับคัดเลือกในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบ 5.2GW ของ กกพ. (ทั้งรูปแบบติดตั้งบนพื้นดินและแบบมีระบบกักเก็บพลังงาน) จำนวน 12 โครงการ กำ ลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 649MWe มีกำหนด COD ระหว่างปี 67-68
โดยโครงการที่มีการลงนามในสัญญา PPA ในครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 38% ของกำลังผลิตของบริษัทฯที่ได้รับคัดเลือกในการรับซื้อรอบ 5.2GW
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 12 โครงการ สามารถแบ่งออกเป็น โครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2567 จำนวน 295MWe ซึ่งประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 3 โครงการ (รวม 160MWe) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบมีระบบกักเก็บพลังงาน จำนวน 2 โครงการ (รวม 135 MWe) เบื้องต้นคาดเพิ่มกำไรให้กับบริษัทฯ ได้ราว 180-240 ล้านบาท/ปี คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของกำไรปี2567
โครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2568 จำนวน 354MWe ซึ่งประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 5 โครงการ (รวม 233MWe) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบมีระบบกักเก็บพลังงาน จำนวน 2 โครงการ (รวม 121MWe) เบื้องต้นคาดเพิ่มกำไรให้กับบริษัทฯได้ราว 210-280 ล้านบาท/ปี คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของกำไรปี 2568
ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวเนื่องจากจะส่งผลให้ความกังวลเกี่ยวกับการลงนามในสัญญา PPA สำหรับรอบการรับซื้อ 5.2GW ของตลาดเริ่มคลี่คลายลง (ในช่วงก่อนหน้าศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการลงนามในสัญญา PPA สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลม) เบื้องต้นคงคำแนะนำ “TRADING” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 54.50 บาท/หุ้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.