ฟันด์โฟลว์เริ่มไหลกลับ หนุน SET ไปต่อ 1440-1470 จุด เน้นสะสมหุ้นกำไรดี
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า วานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขดัชนีผู้ผลิต (PPI) เดือน กันยายน +0.5%m-m, +2.2%y-y เร่งตัวขึ้น และสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ +0.3%m-m, +1.6%y-y แรงหนุนส่วนหนึ่งมาจากราคา Gasoline ที่ปรับตัวขึ้น กดดันจิตวิทยาการลงทุนในช่วงแรก แต่ตลาดเริ่มฟื้นตัวตอบรับรายงานการประชุม FED ที่บ่งชี้ว่า FED จะดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ส่งผลให้ Dollar Index ยังชะลอตัวต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 106 จุด สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.55% ช่วยจิตวิทยาการลงทุนมากยิ่งขึ้น
ส่วนวันนี้แนะติดตามรายงานดัชนีผู้บริโภค(CPI)ซึ่งตลาดคาดจะชะลอตัวสู่ระดับ +0.3%m-m, +3.6%yy จากเดือนสิงหาคมที่ +0.6%m-m, +3.7%y-y ส่วนด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI)คาดที่ +4.1%y-y ลดลงจาก +4.3%y-yอาจเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมขณะที่ด้านราคาน้ำมันดิบปิด -2% หลังซาอุดิอาระเบียพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ในตะวันออกกลางไม่ให้ขยายตัววงกว้าง
ส่วนไทยเริ่มเห็นกระแสเงินทุนไหลเข้าทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร ตอบรับค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเด่นผสานกับความคาดหวังการเผยรายละเอียดโครงการ Digital Wallet ในช่วงปลายเดือนนี้ คาดขับเคลื่อน SET แกว่งขึ้นต่อ โดยยังเน้นสะสมหุ้นที่คาดกำไร 3Q23 ขยายตัวเด่น
ดังนั้นคาด SET วันนี้ฟื้นต่อในกรอบ 1440-1470 จุด กระแสเงินทุนเริ่มไหลเข้า บาทแข็งค่า ตอบรับ Bond Yield ที่ชะลอต่อเนื่อง ผสานรายงานประชุม FED ที่จะดำเนินนโยบายระมัดระวัง ส่วนน้ำมันดิบย่อหลังซาอุฯพยายามเข้ามาคุม
ส่วนคืนนี้ติดตาม US CPI สำหรับกลยุทธ์เน้นสะสมหุ้นคาดกำไร 3Q23 ดี แนะนำ “BEM” ราคาเป้าหมาย 10.90 บาท คาดกำไร 3Q23 ที่ 936 ล้านบาท (+3.9%q-q , +8.6%y-y) จากปริมาณจราจรบนทางด่วนที่เพิ่มขึ้น +1.3%q-q จากการเปิดภาคเรียน ผสานกับรายได้รถไฟฟ้าที่ขยายตัวแรง ตอบรับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปิดให้บริการ
ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิ ธี SOTP ได้ ที่ 10.9 บาทต่อหุ้น โดยยังมี Upside เพิ่มเติมจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเพิ่มมูลค่าราว 1.5 บาทต่อหุ้น
1,425 จุดห้ามหลุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นเด่น โดยนักลงทุนสถาบันและต่างชาติซื้อสุทธิรวมกันเฉียด 4.3 พันลบ. หลัง SETI ปรับลงมามากในช่วงก่อนหน้า การเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ เป็นผลให้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในภาพรวมยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง จึงยังคงให้จุดเฝ้าระวังของ SETI / SET50I ที่ 1,425 / 865 จุด หากต่ำกว่าระดับดังกล่าว แนะให้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนเหลือ 70%
ในเชิงกลยุทธ์ ในช่วงนี้เรายังคงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว ได้แก่ 1) หุ้นอิงการท่องเที่ยว ได้ผลบวกจากภาคการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาคึกคัก หลัง ครม.มีมติให้ นทท.จากจีนและคาซัคสถานสามารถเดินทางมาไทยได้โดยไม่ต้องขอ visa ถึงสิ้นเดือน ก.พ. 67 เป็นบวกต่อ AAV, AOT, BA, CPALL, ERW 2) หุ้นกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ จากการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันดีเซล เราชอบ ADVANC, CPALL, SJWD;
สำหรับวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยขับเคลื่อนราคาที่น่าสนใจติดตามหลายประเด็น ดังนี้ 1) การประชุม กนง. ร่วมกับนักวิเคราะห์วานนี้ เป็นไปในลักษณะคล้ายกับผลการประชุมในช่วงก่อนหน้า คืออัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมและตามเป้าหมายของ กนง. แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากมีความเสี่ยงด้านอื่น เช่น รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ นอกเหนือการแจกเงินDigital, El Nino รุนแรงกว่าคาด จะเพิ่มโอกาสที่ กนง. ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นได้อีก นอกจากนี้ กนง. มองว่า หากจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป โอกาสที่ปรับขึ้นมีมากกว่าปรับลง ในภาพรวมเรายังค่อนข้างชอบกลุ่มธนาคาร เช่น BBL ขณะ KBANK ราคายัง laggard กลุ่ม
2) ติดตามการรายงานอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของทางสหรัฐฯ โดย Consensus คาดอยู่ที่ +3.6%YoY. +4.1%YoY สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานตามลำดับ ซึ่งทั้งสองเป็นระดับที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า หากออกมาใกล้เคียงหรือน้อยกว่ามองเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดทุน
3) เรามองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและอิงการใช้จ่ายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่ราคาปรับลงมาหลังมีเหตุการณ์ในประเทศ แนะสะสม AAV, AOT, CPALL, CPN
Stock Thematics
BBL (TP=194บ.) “ซื้อ” กำไร 2Q66 โต +62%YoY และ +12%QoQ โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตดี ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะคาด 2H66 สินเชื่อจะเติบโตดีกว่า 1H66 ช่วยหนุนให้สินเชื่อทั้งปีขยายตัว 4-6% ตามเป้าได้ ล่าสุดประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หลัง กนง. มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%
CPN (TP=81บ.) “ซื้อ” รายงานกำไร 2Q66 โต +13.2%QoQ และ +33.5%YoY จากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลงสู่ระดับปกติ หลังภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวพร้อมปรับค่าส่วนกลางขึ้น ชดเชยค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และคาดกำไร 2H66 จะเติบโตต่อเนื่อง HoH และ YoY จากการเพิ่มรายได้ค่าเช่าส่วนลานกิจกรรม อีกทั้งจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ และเปิดโรงแรมแห่งใหม่อีก 4 แห่ง รวมถึงได้รับผลบวกจากการปรับลดค่าไฟฟ้ามีผลตั้งแต่ก.ย. 66 นี้
KBANK (TP=153บ.) “ซื้อ” เรามองว่าราคาหุ้นลงมาตอบรับปัจจัยลบในช่วงก่อนหน้าไปมากแล้ว และมองเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่คงระดับสูง ขณะราคาปัจจุบันอยู่เพียง 0.6x ของ BV
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.