สะสม 7 หุ้นน้ำดี หลบภัยสงคราม "อิสราเอล-ฮามาส"
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์กลับมาอีกครั้ง หลังกลุ่มฮามาส (ชาวปาเลสไตน์) โจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ทำให้เกิดการสู้รับกันอย่างรุนแรงในรอบหลายปี ด้วยปมจุดชนวนเรื่องศาสนา
ขณะที่ "ปาเลสไตน์" มีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มประเทศตะวันออกลาง นำโดย "อิหร่าน" ส่วน "อิสราเอล" มีผู้สนับสนุนเป็นกลุ่มประเทศตะวันตกนำโดย "สหรัฐฯ"
ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าวยังต้องติดตามอย่าใกล้ชิด เพราะหากมีการลุกลามไปในระดับภูมิภาค อาจเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่เสี่ยงขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประเทศตะวันออกกลางเป็นแหล่ง Supply น้ำมันดิบ เกือบ 1 ใน 3 ของโลก
ขณะที่ผลกระทบที่ตามมาในช่วงสั้น คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง เพราะเมื่อย้อนไปดูข้อมูลในอดีตจะเห็นได้ว่า ช่วงที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ มักทำให้ตลาดหุ้นผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เหตุการณ์ยืดเยื้ออย่างเช่นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ลากยาวนานนับปีตั้งแต่ในช่วงเดือน มี.ค.65 จนกดดันตลาดหุ้นร่วงลงหนัก
หากพิจารณาถึงผลกระทบเชิงเศรษฐกิจในบ้านเราคาดว่าจะไม่รุนแรงเนื่องจากอิสราเอลเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อันดับที่ 40 ขณะที่ปาเลสไตน์เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 215 (สัดส่วนการนำเข้า-ส่งออกน้อยมาก) นอกจากนี้ชาวอิสราเอลเดินทางเข้าไทย 8 เดือนแรกของปี 66 อยู่ที่ 1.59 แสนราย (Ytd) คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.89% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด
สรุป ความขัดแย้งระหว่างประเทศระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ คาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้น ฝ่ายวัยฯ แนะนำหุ้นกลุ่ม Selective อาทิ PTTEP PTTGC, GULF, BGRIM, ADVANC, TRUE
SET Index ที่ลงแรงเมื่อวันศุกร์ ทำให้ภาพทาง Technical ดูอ่อนแอลง และเมื่อผสมกับประเด็น อิสราเอล – ฮามาส ก็น่าจะทำให้เกิดความผันผวนในวันนี้ มองกรอบ 1430 –1445 จุดหุ้น Top Pickวันนี้เลือก ADVANC ราคาเหมาะสม 243 บาท , COM7 ราคาเหมาะสม 35.50 บาท และ PTTEP ราคาเหมาะสม 178 บาท
สแกนหุ้นหลบภัย
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีปัจจัยภายนอกที่กดดันตลาดหุ้นหลายอย่าง ทั้งความเสี่ยงเกิด Recession ในบางประเทศ, Bond Yield สหรัฐฯ ปรับขึ้นแรง, การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐฯเสี่ยงเกิด Government Shutdown หนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง Dollar Index ตั้งแต่ ส.ค.66 เป็นต้นมา
โดยตั้งแต่ต้นเดือนนี้ต่างชาติยังคงขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 2.5 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นการขายสุทธิทุกประเทศ เริ่มจากไต้หวัน 1.5 พันล้านเหรียญฯ เกาหลีใต้ 700 ล้านเหรียญฯ ไทย 239 ล้านเหรียญฯ ฟิลิปปินส์ 45 ล้านเหรียญฯ และ อินโดนีเซีย 1 ล้านเหรียญฯ
กดดันให้ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1438 จุด และมี PBV ที่ต่ำเพียง 1.4 เท่า ถือว่าอยู่ในโซนน่าสะสม แต่ตลาดยังผันผวนจากปัจจัยภายนอก และเผชิญกับแรงขายของต่างชาติที่มีต่อเนื่อง
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยแนะนำสะสมหุ้นหลบความผันผวน จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งจากหุ้นพื้นฐานดีต่างชาติถือน้อย PLANB, COM7, AOT, PTTEP และหุ้นผันผวนต่ำ ปันผลสูง LH, HMPRO, ADVANC เชื่อว่ายังมีโอกาส Outperform ตลาดได้
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น PLANB วันนี้(14 ก.ย.66) ณ เวลา 10.57 น. อยู่ที่ 8 บาท ลดลง 0.25 บาท คิดเป็น -3.03%
ราคาหุ้น COM7 อยู่ที่ 30 บาท ลดลง 1 บาท คิดเป็น -3.23%
ราคาหุ้น AOT อยู่ที่ 68.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ราคาหุ้น PTTEP อยู่ที่ 167 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท คิดเป็น +3.09%
ราคาหุ้น LH อยู่ที่ 7.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท คิดเป็น +0.65%
ราคาหุ้น HMPRO อยู่ที่ 12.20 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -0.81%
ราคาหุ้น ADVANC อยู่ที่ 222 บาท ลดลง 1 บาท คิดเป็น -0.45%
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.