ค่าเงินบาทฟื้นหลังอ่อนทะลุ37บาทต่ำสุดใน11เดือนส่วนหุ้นไทยร่วงไม่พัก

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 11 เดือนที่ 37.24 บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ฟื้นกลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ

หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงมีท่าทีพร้อมคุมเข้มต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และสถานะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติซึ่งอยู่ในฝั่งขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยเช่นกัน     

อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าและฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด  ในวันศุกร์ที่ 6 ต.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ก.ย.)

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 2-6 ต.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,855 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 4,072 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 3,069 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,003 ล้านบาท) 

สัปดาห์ถัดไป (9-13 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.60-37.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและดัชนีความเชื่อมั่นในมุมมองผู้บริโภคเดือนต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน  

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี 9 เดือนที่ 1,429.99 จุดช่วงกลางสัปดาห์ และร่วงลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ การอ่อนค่าของเงินบาท รวมถึงการปรับลดประมาณการเศษฐกิจไทยโดยธนาคารโลก

หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบในเวลาต่อมา ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหุ้นบิ๊กแคป นำโดย กลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก     

ในวันศุกร์ที่ 6 ต.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,438.45 จุด ลดลง 2.24% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 48,209.07 ล้านบาท ลดลง 12.86% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 3.27% มาปิดที่ระดับ 435.82 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (9-13 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,415 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,460 และ 1,470 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย. บันทึกการประชุมเฟด (19-20 ก.ย.) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ข้อมูลการนำเข้าและส่งออก

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.