5 โบรกผ่าเกม "PTTEP" ชี้ชัด Q3วูบ Q4ฟื้น จังหวะซื้อ-ถือ-ถอย ?

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "PTTEP" วันนี้(6 ต.ค.66) ณ เวลา 11.43 น. อยู่ที่ 161.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยราคาขึ้นสูงสุด 162 บาท และลดลงต่ำสุด 161 บาท

 

Q3 ขาดทุนพิเศษ

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิของ "บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP" ในไตรมาส 3/66 จะอยู่ที่ 1.91 หมื่นล้านบาท (-21%yoy, -9%qoq)โดยกำไรที่ลดลง yoy จะเป็นเพราะราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาอยู่ที่ US$86.7/bbl (-10% yoy) ขณะที่กำไรที่ลดลง qoq จะเป็นเพราะมีผลขาดทุนพิเศษ 2.1 พันล้านบาท (ขาดทุนจากอนุพันธ์ 700 ล้านบาท, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 360 ล้านบาท และต้นทุนการปรับรายการภาษีที่มาเลเซีย 1.1 พันล้านบาท)

     อีกทั้ง ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น(+8% qoq)มากกว่าราคาขายเฉลี่ย(+7%qoq) เราคาดว่าปริมาณยอดขายจะอยู่ที่ 467KBOED เพิ่มขึ้น 5%qoq เนื่องจากเริ่มมีการจัดส่งน้ำมันดิบจาก PDO และ Oman Block 61 ขณะที่โครงการ Sabah K เปิดดำเนินการเต็มไตรมาสหลังจากที่ปิดซ่อมบำรุงไปนาน 1.5 เดือนในไตรมาส 2/66 เราคาดว่า ASP จะเพิ่มขึ้นเป็นUS$49.1/bbl (+7% qoq) เนื่องจากราคน้ำมันดิบดูไบสูงขึ้น (+11% qoq) ขณะที่คาดว่าต้นทุนต่อหน่วยจะเพิ่มขึ้น 8% qoq เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุง G2/61 บางส่วน (32 วัน), มีการเพิ่มการผลิตที่ G1/61 และ สัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวสูงขึ้น (30%)

อัพการผลิตเอราวัณ 1 เม.ย.67

     ถึงแม้จะมีการเลื่อนกำหนดเพิ่มการผลิตเป็น 600mmscfd ภายในสิ้นปี 66 แต่บริษัทยังคงคาดว่าจะเพิ่มการผลิตได้ตามเป้า 800mmscfd ภายในวันที่ 1 เมษายน 2567 เราคาดว่าปริมาณยอดขายในปี 66 จะไม่ถูกกระทบจากการเลื่อนกำหนดเพิ่มการผลิต เพราะ PTTEP มีการเพิ่มการผลิตที่แหล่งบงกช (G2/61) ควบคู่ไปด้วยในช่วงที่ทำการเพิ่มการผลิตที่แหล่งเอราวัณ

     ฝ่ายฯยังคงคำแนะนำซื้อ PTTEP โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 67 ที่ 196 บาท เราคาดว่าปริมาณยอดขายในไตรมาส 4/66 จะเพิ่มขึ้น qoq จากการเปิดดำเนินการเต็มที่ของโครงการ G2/61 เรามองว่าราคาน้ำมันดิบที่ย่อลงมาในช่วงนี้เป็นประเด็นระยะสั้นเท่านั้น เพราะอุปทานยังตึงตัวจากการที่ OPEC+ คงนโยบายการผลิตเอาไว้เหมือนเดิม

     ขณะที่ซาอุดิ อาระเบีย และรัสเซียจะลดการผลิตโดยสมัครใจไปจนถึงสิ้นปี 66 เรามองว่าความเสี่ยงด้าน downside ของประมาณการกำไรปี 66 ของเราอยู่ที่ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการ LNG ที่โมซัมบิกถ้าหากมีการปรับแผนของโครงการ

 

จับตา"โมซัมบิก"

     บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) แนะนำ TRADING ราคาเหมาะสมใหม่ 175 บาท คาดกำไรปกติ 3Q66 อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท +7% QoQ จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ กำไรสุทธิคาดทำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท -7% QoQ จากขาดทุน FX – Hedging, ต้นทุนสูงขึ้น, และปัญหาการผลิต ส่วนเทียบกับ 3Q65 ลดลง -19% YoY จากฐานสูงช่วงวิกฤตพลังงานรัสเซีย vs ยูเครน

     ปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2567-2569 ขึ้นเป็น US$65-75/bbl และปรับกำไรสุทธิปี 2566-2567 ขึ้น 10-18% เป็น 7.9 หมื่นล้านบาท และ 7.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ

     ส่วนแนวโน้ม 4Q66 กำไรปกติประคองตัวระดับ 1.9 หมื่นล้านบาท แต่ต้องติดตามความคืบหน้าการเข้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการโมซัมบิก กรณีล่าช้าเกินกว่าต้นปี 2567 จะเป็นความเสี่ยงต่อแผน COD และการด้อยค่าสินทรัพย์ใน 4Q66 (ยังไม่รวมในประมาณการ) 

     ในระยะสั้น ราคาหุ้นถูกกดดันจากราคาน้ำมันปรับฐานด้วยความกังวลปัจจัยมหภาค อย่างไรก็ตาม อุปทานช่วงที่เหลือของปียังตึงตัว กรณีภาวะตลาดกลับสู่ภาวะปกติ สามารถเก็งกำไรตามโอกาสฟื้นตัวของราคาน้ำมัน

 

Q3 ย่อ Q4 ฟื้น

     บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 175 บาท คาด 3Q66 กำไรอ่อนตัว เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายพิเศษเพิ่มขึ้น ทำให้โดยรวมกำไรลดลง โดยที่ 1) ปริมาณขายกลับมาเพิ่มขึ้น 5% จาก 445 KBOED ใน 2Q66 เป็น 467 KBOED จากโครงการต่างประเทศ ได้แก่ Oman Block 61, PDO และในไทยปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากโครงการ G1 (เอราวัณ) 

     2) ราคาขายก๊าซธรรมชาติคาดทรงตัวจากไตรมาส 2 ที่ 5.8 USD/MMBTU 3) ด้านราคาขายน้ำมันดิบจะค่อนข้างต่ำกว่าน้ำมันดิบดูไบมากกว่าปกติเนื่องจากบางโครงการมี time lag จากน้ำมันดิบดูไบที่ปรับขึ้นแรง 4) ต้นทุนต่อหน่วยคาดว่าเพิ่มขึ้นมาที่ 28-29 USD/bbl ตามการปิดซ่อมที่เพิ่มขึ้นของแต่ละโครงการ นอกจากนี้ คาดขาดทุน FX และ Hedging ประมาณ 1,000 ลบ. รวมถึงขาดทุนรายการพิเศษด้านภาษีประมาณ 1,100 ลบ.

     ส่วนในไตรมาส 4/66 คาดผลประกอบการดีขึ้นจากราคาขายที่จะกลับมาได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3Q66 เนื่องจากบางโครงการมี time lag จากน้ำมันดิบดูไบประมาณ 2 เดือน รวมถึงปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากโครงการ G2 (บงกช) ที่จะดำเนินการเต็มไตรมาสจากที่มีช่วงปิดซ่อมใน 3Q66

 

บงกช - B8 เริ่มผลิต 

      บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายเดิม 189 บาท เราคาดว่าปริมาณการขายก๊าซจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/66 จากแหล่งก๊าซบงกช และ B8 ที่กลับมาเริ่มผลิตหลังหยุดการผลิตในไตรมาส 3/66 คาดว่าคาขายเฉลี่ยของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 2% hoh ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจะช่วยชดเชยราคาก๊าซที่ลดลง 
 
 

น้ำมันฟื้นกำไรดี

     บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 200 บาท (ราคาเป้าหมายเดิมที่ 182 บาท) เราคาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 3/66 จะทรงตัว qoq แม้ราคาและปริมาณการขายจะสูงขึ้น แต่ถูกชดเชยด้วยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน เราคาดว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 จะลดลง qoq จากการขาดทุนของรายการพิเศษ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปี ส่งผลให้เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 66 ที่ 18% และปี 2024 ที่ 10%

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.