SRS เคาะราคาไอพีโอ 16 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 2-4 ต.ค.นี้

นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท สิริซอฟต์ จำกัด (มหาชน) หรือ SRS เปิดเผยว่า หลังจาก SRS ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ 

ล่าสุด ได้รับการอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งมีผลบังคับใช้แล้ว จึงกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 16 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 2-4 ต.ค.2566 และคาดว่าจะนำหุ้น SRS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 10 ต.ค.2566 ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยี (Technology) 
 
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขาย 16 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 38.37 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 ถึง วันที่ 30 มิ.ย.2566) ทั้งนี้ SRS พิจารณานำ P/E ของคู่เทียบในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 30 วันทำการ นับจากวันที่ 11 ส.ค.-22 ก.ย.2566 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมี P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 51.76 เท่า

โดยได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้ง ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด 

ทั้งนี้ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ของ SRS จะนำเงินไปใช้ขยายการเติบโต เพิ่มขีดความสามารถ SRS เป็นหนึ่งในผู้นำขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation โดยนำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับองค์กร พัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์สังคมยุคดิจิทัล 

นายสิริวัฒน์ ธนุรเวท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิริซอฟต์ จำกัด (มหาชน) หรือ SRS กล่าวว่า บริษัทพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ และก้าวต่อไปอย่างมั่นคงสู่การเป็นบริษัทผู้ให้บริการ Information Technology Services รายใหญ่ของประเทศไทย ที่มีแนวทางการทำงานแบบ DevOps (Development & Operations) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง มุ่งสร้างผลประกอบการที่ดีในระยะยาว 

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ จึงเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ทั้งในด้านการบริหารทีมนักพัฒนา แหล่งเงินทุน และแผนการขยายตลาดเชิงรุก

โดยเงินระดมทุนที่ได้จำนวนประมาณ 614.7 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) จะนำไปใช้ การพัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานภายในองค์กร 20 ล้านบาท ใช้ในการสรรหาและพัฒนาบุคลากรในการพัฒนาระบบหรือซอฟต์แวร์ รวมถึงการขยายพื้นที่สำนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ 280 ล้านบาท และ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ 314.7 ล้านบาท รองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจ และ DevOps Culture คือหัวใจในการเติบโตต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา SRS จึงพร้อมมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นบริษัท IT Consulting Service ที่สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ดีๆ ให้แก่ประเทศ โดยในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง มั่นใจในการเติบโต พร้อมใจกัน lock up หุ้นทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 1 เดือน เพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดในการติด Silent Period ห้ามขายหุ้นในสัดส่วน 55% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน 

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ความน่าสนใจของ SRS เป็นบริษัทที่มีศักยภาพ และมีความน่าสนใจในหลายๆ ด้าน ด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ High Code ซึ่งมีความต้องการสูงในอุตสาหกรรม ประกอบกับ DevOps Culture และการให้บริการออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ Microservices ทำให้วันนี้ SRS มีความโดดเด่นในการนำเสนอซอฟต์แวร์ที่ดีให้แก่ลูกค้า สามารถส่งมอบงานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งมีแผนการลงทุนในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
 
สำหรับการเติบโตของผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563-2565) SRS มีการเติบโตของรายได้ CAGR เฉลี่ย 137.37% เนื่องจากการขยายทีมนักพัฒนา ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และให้ความสำคัญในด้าน Digital Transformation เป็นอีกบทพิสูจน์ความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อบริษัท และ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2566 SRS มี Backlog อยู่ในระดับสูงราว 526 ล้านบาท กำหนดส่งมอบงานในปีนี้สูงถึง 297 ล้านบาท 

รวมทั้งบริษัทมี Recurring Income สูงถึง 44% ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่ต่อเนื่องและมั่นคง เป็นอีกปัจจัยสะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงิน และการเติบโตที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรม จึงมั่นใจว่าเงินระดมทุนครั้งนี้ จะยิ่งสนับสนุนให้ SRS เติบโตตามแผนงานที่วางไว้

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 72.91 ล้านบาท 187.03 ล้านบาท และ 410.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 14.39 ล้านบาท 25.47 ล้านบาท และ 68.69 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 19.73%, 13.51% และ 16.67% ของรายได้รวม ตามลำดับ 

ด้านผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 306.24 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 47.34 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 35.46% และอัตรากำไรสุทธิ 15.47% อีกทั้งมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 238 คน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์ และฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์เป็นหลัก ซึ่งมีอยู่ที่ 124 คน

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.