หุ้นบ่ายย่ำฐานต่ำ เน้น 3 หุ้นพื้นฐานแน่น กราฟสวย
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายเช้านี้(29 ก.ย.66) อยู่ที่ 1,476.63 จุด ลดลง 5.51 จุด คิดเป็น -0.37% มูลค่าการซื้อขาย 44,489.97 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,484.62 จุด และลดลงต่ำสุด 1,473.43 จุด
แกว่งทำฐาน 1465-1470จุด
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางตลาดฯภาคเช้า ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ เช่น ฮ่องกง +2.80% สิงคโปร์ +0.44% ส่วน SET Index ปิด -5.51 จุด จากผลของราคาหุ้น DELTA -19.50 บาท กระทบดัชนี 20 จุด แม้จะมีแรงซื้อประคองตลาดฯ จากกลุ่มท่องเที่ยว +1.63% สถาบันการเงิน +1.48% ธนาคาร +1.62% ค้าปลีก +1.20% และพลังงาน +1.29%
สำหรับแนวโน้มตลาดฯภาคบ่าย ภาพรวมยังกังวลการเกิด Government Shutdown หากสภาสหรัฐฯไม่สามารถบรรลุข้อตกลงผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวก่อน Deadline 30 ก.ย.66 ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า หากเกิด Government Shutdown จริงจะกระทบตลาดหุ้นไม่มาก บ่ายนี้ SET Index แกว่งทำฐาน แนวรับหลัก 1465-1470จุด แนวต้าน 1488 จุด
ส่วนคืนนี้ติดตามการประชุมทาวน์ฮอลล์เพื่อรอประเมิน คำแถลงของ นาย พาวเวลล์ หลังตลาดให้น้ำหนักมากกว่า 80% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยระดับสูง ณ ระดับ 5.5% ถึง พ.ค. ปีหน้า สะท้อนจากอัตราผลตอบแทน พันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แตะ 4.68%
ประเด็นประเทศการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน หากเกิดขึ้นจริงคาดผลกระทบแตกต่างกันออกไป บางอุตสาหกรรมผลกระทบอยู่ในวงจำกัด ดังนั้นหากราคาหุ้นตอบสนองต่อประเด็นนี้มากเกินไป ถือเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น AMATA CENTEL และ ERW
ส่วนหุ้นเทคนิคแนะนำเก็งกำไร WHAUP แนวรับ 3.80 บาท แนวต้าน 3.94 บาท Cut Loss3.76 บาท และ SISB แนวรับ 30.50 บาท แนวต้าน 33 บาท Cut Loss 30 บาท
หุ้นร่วง แต่เลือกเล่น
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า ดัชนี SET Index ภาคเช้าแกว่ง Sideways Down โดยลบ 5.51 จุด (-0.37%) อยู่ที่ 1,476.63 จุด สวนทางกับภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่บวก จากการคลายความกังวล Bond Yield สหรัฐที่ 2 ปีและ 10 ปีที่ ลดลงสู่ 5.08% และ 4.58% ตามลำดับ
โดยแรงกดดันในตลาดหุ้นไทย เกิดจากหุ้น DELTA ที่ปรับตัวลงกว่า 19% กดดันดัชนีตลาดกว่า 20 จุด จากการทำ Big lot ขายหุ้นกว่า 89.2 ล้านหุ้น ในราคา 94.75 บาทต่อหุ้น แต่หากไม่นับ DELTA แล้ว ดัชนีหุ้นไทยภาคเช้าจะเป็นบวก หลัง กนง.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว ทำให้แนวโน้ม Spread ส่วนต่างเงินกู้-เงินฝากจะเป็นผลดีต่อกลุ่มแบงค์ นำโดย BBL และตลาดจะคาดหวังแบงค์อื่นในกลุ่มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามในไม่ช้า
ทางฝ่ายมองดัชนี SET ภาคบ่ายจะยังอยู่ในแดนลบ กรอบ 1,470 - 1,485 จุด โดยเฉพาะแรงกดดันจาก DELTA ที่ยังเป็น Overhang อย่างไรก็ตามทางฝ่ายมองหุ้นกลุ่มอื่นไม่ได้มีปัจจัยลบใหม่ที่รุนแรงกดดัน จึงแนะนำเข้าซื้อหุ้นลักษณะ Selective ด้วยธีมการลงทุน 1) หุ้นส่งออกที่คาดได้ประโยชน์จากบาทอ่อน 2)หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวทางฝ่ายมองได้ประโยชน์จากจีนหยุดยาว
3) หุ้นพื้นฐานดี ที่คาดจะเผยงบ 3Q66 ดี ซึ่งคาดจะอยู่ในกลุ่ม พลังงาน จากค่าการกลั่นที่ยังสูง, กลุ่ม ICT จากสภาวะการแข่งขันลดลงช่วยหนุน ARPU และยอดขายเครื่อง iPhone15 พร้อมแพ็คเกจ และกลุ่มโรงพยาบาลที่ช่วง 3Q เป็น High Season ทางธุรกิจ และหุ้นโรงพยาบาลยังถือเป็น Defensive Stock
หุ้นแนะนำ "BBL" แนวรับ 166.50 / 165 บาท แนวต้าน 175 / 180 บาท มองได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลัง กนง.มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps สู่ 2.50% ซึ่งจะทำให้รายได้จากดอกเบี้ยกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางฝ่ายยังคงน้ำหนักในกลุ่มนี้เป็น Over Weight และได้เลือก BBL เนื่องจากเป็นธนาคารแรกที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.10-0.25% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อีก 0.25% ทำให้มีโอกาสได้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นผลชัดในช่วง 4Q66 และทางฝ่ายมีมุมมองต่อ BBL จะเป็นธนาคารที่มีกำไรเพิ่มขึ้นโดดเด่นที่สุด (y-y)
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.