TURBO ยื่นไฟลิ่ง เสนอขายไอพีโอไม่เกิน 537 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET
นายสุธัช เรืองสุทธิภาพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้ง ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.)
นอกจากนี้ แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็น ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 537,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท คิดเป็นจำนวนไม่เกิน 20.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
สำหรับเงินเทอร์โบเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์หรือสามารถเข้าถึงแต่ได้รับบริการไม่ครบถ้วน ภายใต้ความต้องการที่จะเห็นผู้คนในทุกๆ ชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ มีความสมเหตุสมผลที่เข้าใจวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแท้จริง โดยในปัจจุบัน เงินเทอร์โบ แบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ และ ธุรกิจนายหน้าประกันภัย
ทั้งนี้ เงินเทอร์โบ ก่อตั้งในช่วงปลายปี 2560 โดยเริ่มต้นกิจการในฐานะ Startup เล็กๆ มีทีมงานในวันแรกเพียง 4 คน ทำงานในห้องเช่า ซึ่งเดิมเป็นร้านอาหารขนาดไม่ถึง 100 ตารางเมตร เติบโตจนในปัจจุบันมีทีมงานคนรุ่นใหม่กว่า 2,300 คน สำนักงานใหญ่มีพื้นที่กว่า 9,950 ตารางเมตร บนที่ดินกว่า 14 ไร่ ให้บริการผ่านเครือข่ายสาขา 892 สาขา กระจายอยู่ในพื้นที่ 52 จังหวัดทั่วประเทศ โดยกลุ่มธนาคารกสิกรไทยได้เข้ามาลงทุนเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในช่วงปลายปี 2565
จากการที่ลงทุนในเทคโนโลยีของตนเองอย่างต่อเนื่องแบบ Cloud Native เพื่อยกระดับการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายย่อย ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี เงินเทอร์โบสามารถเติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าในอุตสาหกรรม โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย.2566 เงินเทอร์โบ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 10,598 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 51.3% ต่อปี สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,088 ล้านบาท หากคิดเป็นรายได้เต็มปีและเทียบกับปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 46.1%
ขณะเดียวกัน ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ก็ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้กว่า 121 ล้านบาท สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 หากคิดเป็นรายได้เต็มปีและเทียบกับปี 2563 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมที่ 63.5% ต่อปี การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่เงินเทอร์โบสามารถให้บริการทางการเงินที่ง่าย รวดเร็ว และสะดวก โดยส่วนใหญ่ลูกค้าจะได้รับอนุมัติสินเชื่อและได้รับเงินภายในวัน อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่มีใบอนุญาตให้คำปรึกษาด้านประกันภัยประจำอยู่ที่สาขา เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการทางการเงินที่ครบถ้วน
นอกจากนี้ เงินเทอร์โบยังให้ความสำคัญกับระบบเทคโนโลยี โดยมีทีมเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินเทอร์โบ สามารถนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างขีดจำกัดใหม่ในการทำงานตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เงินเทอร์โบจะยังรักษาข้อได้เปรียบในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงมีต้นทุนในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว
โดยเงินเทอร์โบมองว่ายังมีลูกค้ารายย่อยอีกจำนวนมากทั้งในประเทศไทยเองและในภูมิภาคใกล้เคียงที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครบถ้วนได้ ซึ่งเงินเทอร์โบมองเห็นโอกาสที่ชัดเจนในการเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว ดังจะเห็นได้จากการเติบโตที่โดดเด่นในอดีตที่ผ่านมาของกลุ่มบริษัท เงินเทอร์โบจึงวางแผนจะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจผ่านบริการทางการเงินที่หลากหลาย และพื้นที่บริการที่ครอบคลุม รวมถึงต่อยอดการลงทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.