SAFE เล็งขายไอพีโอ 76.75 ล้านหุ้น จ่อเข้าเทรด SET ภายใน Q4/66
นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์
หลังจากเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 บริษัทได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 76,746,800 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO
โดยปัจจุบันแบบไฟลิ่ง และร่างหนังสือชี้ชวนอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่าจะเริ่มนับไฟลิ่งภายในเดือน ต.ค.2566 และเข้าซื้อขายใน SET ภายในไตรมาส 4/2566
สำหรับเงินที่ได้จากระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและโอกาสในธุรกิจในอนาคต และใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการขยายสาขา วางเป้าหมายขยายสาขา 1-2 สาขา/ปี จากปัจจุบันให้บริการผ่านสาขาทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สาขาอัมรินทร์ พลาซ่า, รามอินทรา, ภูเก็ต, ขอนแก่นและศรีราชา รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทเป็นผู้ให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตรภายใต้ชื่อ “ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร เซฟเฟอร์ทิลิตี้ เซ็นเตอร์” โดยเป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่ให้บริการแบบครบวงจรในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล และได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งที่ 2 ในเอเชีย จากสถาบัน RTAC
โดยปัจจุบัน บริษัทมี 2 บริษัทย่อย ได้แก่ (1) บริษัท เน็กเจนเนอร์เรชั่น จีโนมิค จำกัด (NGG) ดำเนินธุรกิจด้านการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของบริษัท รวมถึงให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกด้วย อาทิ จากโรงพยาบาลชั้นนำ และคลินิกสูตินรีเวชและศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในประเทศไทย ซึ่งบริษัทถือหุ้นสัดส่วน 99.99%
และ (2) บริษัท เซฟ เวลเนส จำกัด (SWC) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังและความงาม ภายใต้ชื่อ เดอะฟาวเทนเวลเนส เซ็นเตอร์ (The Fountain Wellness Center) ให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรตั้งแต่ก่อนและหลังมีบุตร ซึ่งบริษัทถือหุ้นสัดส่วน 80%
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธีต่างๆ ประกอบด้วย 1) การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีIUI เป็นการฉีดน้ำเชื้อที่ผ่านการคัดกรองเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง 2) การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI คือการช่วยปฏิสนธิของไข่และเชื้ออสุจิภายนอกร่างกายและส่งกลับตัวอ่อนเข้าไปยังโพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์3) การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก แบ่งเป็นการย้ายตัวอ่อนแบบรอบสด และรอบแช่แข็ง 4) บริการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ อสุจิ และตัวอ่อน
5) การเก็บอสุจิ ด้วยวิธี TESE หรือการเก็บอสุจิโดยตรงจากอัณฑะ 6) เทคโนโลยีคัดอสุจิด้วยวิธี IMSI ด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงเพื่อคัดเลือกอสุจิลักษณะดีมาผสมกับเซลล์ไข่ 7) การคัดกรองอสุจิด้วยวิธี MACs Sperm เพื่อคัดกรองอสุจิที่มีคุณภาพ
โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในสัดส่วน 50% เท่าๆ กัน รวมถึงมีช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่นFacebook, Instagram, Line Official, WhatsApp และเว็บไซต์ของบริษัทในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของบริษัทไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ส่วนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ บริษัทขยายเครือข่ายศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรและห้องปฏิบัติการเจริญพันธ์และสรเางความสัมพันธ์ที่ดีกับองคก์รตา่งๆ เพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาดและเครือข่ายการแนะนำลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งเป็นผู้นำด้านการรักษาและให้บริการภายใต้เทคโนโลยีที่ดีเยี่ยม ด้วยอัตราความสำเร็จที่เป็นเลิศ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นสำคัญ
พร้อมมุ่งมั่นสื่อสารและสร้างการรับรู้ของคุณค่าและความเป็นตัวตนของแบรนด์ SAFE FERTILITY ในฐานะผู้นำทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก และด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนในเอเชีย และขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้และผลกำไรต่อลูกค้าของบริษัทอย่างยั่งยืน
นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นเดสทิเนชั่นเติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากจากภูมิภาคเอเชีย และจากทั่วโลกเนื่องจากมีความได้เปรียบในหลายประการ อาทิ มาตรฐานการรักษา ความสะอาดและความปลอดภัยจาก Covid-19 การเชื่อมต่อดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
รวมไปถึงมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีนที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 เป็นต้น รวมถึงการมีนโยบายที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและดึงดูดชาวต่างชาติ อาทินักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยสามารถอยู่อาศัยได้นานถึง 90 วัน รวมถึงค่ารักษาที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ภายใต้มาตรฐานระดับเดียวกัน ฯลฯ
ขณะที่กลุ่มบริษัทได้ใช้ศักยภาพของกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำด้านการให้บริการศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจรที่มีแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉลี่ยมากกว่า 15 ปี รวมถึงนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีประสบการณ์มากว่า 10 ปี ในการรักษาและการคัดเลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ด้วยอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึง 75% ซึ่งในปี 2563 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นจาก 47.5% เป็น 71.6% กรณีไม่ได้ตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน และ 63.5% เป็น 77.2% กรณีเพิ่มบริการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน
นอกจากนี้ รูปแบบทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทยังเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันที่จะผลักดันให้กลุ่มบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยรูปแบบการให้บริการแบบ Integrated Full Service สำหรับศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล
ขณะเดียวกัน ยังมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงพยาบาล คลินิกสูตินรีเวช ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร ห้องปฏิบัติการ และบุคลากรทางการแพทย์ การเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมเพื่อฝึกอบรมให้แก่นักวิทยาศาสตร์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและได้รับความไว้วางใจในการรักษาผู้มีบุตรยากที่เป็นชาวต่างชาติถึง 2,483 ราย อาทิ จีน อินเดีย เมียนมา เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ เพื่อก้าวเป็นผู้นำด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก การวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในระดับภูมิภาคเอเชีย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.