บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะแจกเงิน10000 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนตรุษจีนปี 68

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ นัดแรกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส2 ให้สำหรับ กลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ จำนวนไม่เกิน 4 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้รับ ก่อนวันตรุษจีน หรือวันที่ 29 ม.ค. 2568 เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องได้รับเงินก่อน เพราะเป็นอยู่ในระหว่างเตรียมการระบบดิจิทัลวอลเล็ต แล้วเสร็จ

หลังจากที่ได้ทำการแจกเงินให้กับกลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง และคนพิการไปแล้ว วันนี้เราก็มานั่งดูเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ช่วงที่ทุกอย่างดีขึ้นเราจึงตัดสินใจว่าทำเฟสให้ตรงกับความต้องการ วันนี้เลยตัดสินใจพิจารณาให้กับกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนกลุ่มนี้จะมีจำนวนไม่มาก น่าจะมีประมาณ 3 ล้านกว่าคน หรือไม่เกิน 4 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้จะรีบทำได้ทันที โดยได้มอบหมายให้กระทรวงคลังเร่งดำเนินการ 

     สำหรับกลุ่มที่เหลือ มองว่า จะมีเฟสต่อไปหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะดูความพร้อมของระบบ คาดว่าน่าจะเป็นปีหน้า หรือประมาณ เดือน เม.ย.-มิ.ย.ปี 2668 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะทบทวนดูว่าจะทำเฟส 3 ต่อไปหรือไม่  

      นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ มีความเห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง เรื่องสำคัญเรื่องแรก คือการเพิ่มรายได้ภาคธุรกิจ และประชาชน 2. การลดรายจ่าย ลดภาระประชาชน และภาคธุรกิจ 3.การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน 4.ภาคการท่องเที่ยว และ5 เรื่องที่สำคัญที่สุด คือ การขับเคลื่อนการลงทุนทั้งของภาครัฐและเอกชน

 

      รวมถึงยังมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และสนับสนุนให้คนไทยมีบ้าน โดยภายในธันวาคม 2567 กระทรวงการคลังจะมีมาตรการออกสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการเพื่อปรับปรุงซ่อมแซม อาคารโรงแรม และภายใน 2568 จะมีมาตรการสินเชื่อเพื่อซื้อ สร้าง หรือ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือ สิ่งอำนวยความสะดวก และมาตรการระยะยาว ภายในปี 68 จะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยด้วยการปล่อยเช่าที่ดินของภาครัฐในระยะยาว

 

     อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจ และคนเดินหน้าต่อไปได้ จะต้องแก้ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน และเอสเอ็มอีก่อน โดยให้กระทรวงการคลังและธนาคาพาณิชย์ รวมกับธนาคารรัฐ หามาตรการลดภาระหนี้ครัวเรือน แต่เป็นกลุ่มที่มีปัญาหนี้เสียไม่นาน ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งกำหนดวงเงินรวมกันกว่า 1.2-1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ จะพักจ่ายดอกเบี้ย 3 ปี ส่วนของเงินต้นนั้นอยู่ในเงื่อนไขการลดการจ่ายเงินต้น แต่จะให้มีการขยายระยะเวลาในการจ่ายหนี้ออกไปให้ยาวขึ้น เมื่อปรับโครงสร้างนี้ได้แล้วจะมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้

หลักการคือเราจะให้โอกาสไม่ต้องชำระดอกเบี้ย 3 ปี แปลว่ามีเงินไปบริโภค และลงทุนมากขึ้น ส่วนเงินต้นให้ผ่อนน้อยหน่อย แต่ในแต่ล่ะกลุ่มก็ต้องไปดูว่ามีปัญหาเรื่องอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งต้องดึงไว้อีกกลุ่มหนึ่ง สำหรับคนทำได้ดีโดยหลักการระยะยาวจะได้รับส่วนลดนั้นเลย ส่วนคนทำไม่ได้ก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยนั้นต่อไป 

      ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ไม่เกินช่วงตรุษจีนสามารถเติมเงินสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ได้ โดยต้องเป็นผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐเท่านั้น มีการผ่านการตรวจสอบสิทธิ์อย่างครบถ้วน และไม่ใช่กลุ่มที่ได้เงิน 10,000 บาท ในเฟสแรกไปแล้ว

เราพิจารณาเห็นว่า เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ค่อนข้างลำบาก เพราะมีรายได้ไม่เกิน 7 หมื่น และมีเงินในบัญชีธนาคารไม่เกิน 5 แสนบาทตามที่กำหนดไว้ โดยจะโอนเงินสดเหมือนเดิม เรากำหนดกรอบวงเงินไว้ 4 ล้านราย คือ 4 หมื่นล้านบาท  

      ส่วนกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่ไม่ใช่กลุ่ม 60 ปี นั้น เราต้องตรวจสอบให้ระบบมีความมั่นคงปลอดภัยของระบบ อาจมีการทำ sandbox  และพิจารณาดูกรอบเวลา น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 2/2568 ขณะที่การลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลจะเปิดให้คนกลุ่มนี้เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการได้ในเร็ว ๆ นี้

 

     

 

 

 

 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.