ตลท.ชี้เลือกตั้งสหรัฐชัดดึงฟันด์โฟลว์เข้า-เปิดทางต่างชาติระดมทุน

     นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงรอผลการเลือกตั้งสหรัฐชัดเจน แน่นอนว่าช่วงที่มีความผันผวนหรือมีความไม่แน่นอน โดยธรรมชาติก็คือ Risk off เห็นได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury Yield) ที่วิ่งเข้าหาจุดที่เป็น Safe Zone และเมื่อการเลือกตั้งชัดเจนจะมี Risk on กลับมาแน่นอน นั่นหมายความว่ามูลค่าการซื้อในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะกลับมาได้ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจุดขายของตลาดหุ้นแต่ละประเทศ

     "จุดขายตลาดหุ้นไทย" ก่อนอื่นตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นช้ากว่าตลาดอื่น ด้วยความที่ภาคท่องเที่ยวฟื้นตามจีน ค่าเงินบาทถ้าไม่แข็งเกินไปจะส่งอานิสงส์ช่วงปลายปี บวกกับหุ้นไทยต้องรอดูเอิร์นนิ่งไตรมาส 3/67 ถ้าดีขึ้นจะเป็นอีกหนึ่งจุดขาย และสุดท้ายกลุ่มเฮลท์และการท่องเที่ยว เรื่องความยั่งยืนคือจุดเด่นของหุ้นไทย

     อย่างไรก็ดี หากมีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทย ตลาดหุ้นก็จะทำการศึกษาว่าธุรกิจที่เข้ามาลงทุนมีซัพพลายเชนที่จะได้อานิสงส์ต่อการลงทุนนั้นหรือไม่ อย่าง ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ต้องใช้พลังงานสะอาด ซึ่งต้องดูว่าบริษัทไหนจะได้ประโยชน์ และหากบริษัทต่างชาติสนใจเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทย ตลท.ยินดีพิจารณาแต่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของตลาดหุ้นไทย 

     ตลาดทุนได้หารือกับภาครัฐว่าถ้ามาลงทุนเรียลเซกเตอร์หากต้องการระดมทุนอาจจะใช้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งเป็น Holding , ทรัสต์ , เข้าจดทะเบียน หรือ Project Finance เป็นต้น ซึ่ง ตลท. เตรียมแถลงแผนการดำเนินงานในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้

     วอลุ่มแน่น-ย้ายฐานเข้าไทย

     นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเช่นกันว่า ผลเลือกตั้งสหรัฐฯไม่ว่าตัวแทนจากพรรคไหนจะชนะย่อมสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น และเมื่อประกาศผู้ชนะชัดเจนคาดว่าจะส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายกลับมาแตะระดับ 50,000 - 60,000 ล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันวอลุ่มเพียง 30,000 - 40,000 ล้านบาท

     ข้อดีหาก "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้ง เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ข้อแรก คือ ด้วยความที่ "ทรัมป์" มี "นโยบายที่ชัดเจน" และทราบแนวทางการดําเนินงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรกจึงน่าจะอ่านเกมได้ 

     ข้อ 2 คือ "โอกาสการย้ายฐานการผลิต" กรณีเก็บภาษีนําเข้าจากจีน 60% แต่เก็บจากประเทศอื่น 10% แปลว่าต้องไปผลิตจากประเทศอื่น ซึ่งถ้าไทยสามารถปรับตัวได้ทัน บวกกับตัวเลข BOI บ่งชี้ว่าจะมีการตั้งโรงงานมากขึ้น

     และ ข้อ 3 คือ กรณีส่งเสริมพลังงานแบบเดิม ซึ่งประเทศไทยถ้าเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ตลาดหุ้นไทยค่อนข้าง Overweight หุ้นพลังงาน ซึ่งยังคงเป็นพลังงานดั้งเดิม

     แต่การกลับมาของทรัมป์จะทำให้นักลงทุนกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจชะลอการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2567 วอลุ่มอาจชะลอจนกว่าภาพจะชัดว่าใครจะชนะ และโดยปกติวอลุ่มในเดือน ธ.ค. ค่อนข้างเงียบเพราะต่างชาติหยุดงาน ดังนั้นอาจต้องเลือกลงทุนหุ้นรายตัวหรือรายกลุ่ม บวกรอดู Earning ไตรมาส 3/2567 จะออกมาอย่างไร

4 กูรู "หุ้น-ทองคำ-คริปโท" ผ่าเกมลงทุน เลือกตั้งสหรัฐฯ "ทรัมป์ - แฮร์ริส"

"อัสสเดช" พร้อมปราบบอสปั่นหุ้น ฟื้นเชื่อมั่น ดันหุ้นไทยสู่ไฟแนนเชียลฮับ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.