เลือกตั้งสหรัฐยังไม่ชัด SET แกว่งกรอบ 1,475-1,490 จุด เน้นเก็งกำไรสั้น

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 1% หลังจากสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.6% ขานรับคาดการณ์ว่าพายุโซนร้อนราฟาเอลจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน

     เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM PMI) ที่ระดับ 56 จาก Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 53.8 ซึ่งในองค์ประกอบเป็นการดีขึ้นในทุกๆ รายดัชนีไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน คำสั่งซื้อใหม่ และส่วนใหญ่แล้วยังเป็นระดับที่เกินกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีปรับขึ้น โดย CME FED Watch ยังคงคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมคืนวันพฤหัสบดีหรือทราบผลอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย

     นอกเหนือจากตลาดพันธบัตรแล้วเมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง (S&P500 + 1.2%) และเป็นการปรับขึ้นในทุกๆกลุ่มอุตสาหกรรมสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกจากนักลงทุน นอกเหนือจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯยังได้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ข้อมูลล่าสุด พบว่าทรัมป์มีคะแนนที่สูงกว่า Harris ส่วนฝั่งสภาล่างและสภาบน รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามคะแนนยังเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้นยังต้องรอการนับอีกหลายชั่วโมงซึ่งกว่าจะทราบผลอาจใช้เวลาถึงช่วงปลายสัปดาห์

     ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.23 แสนราย ส่วนในประเทศเช้านี้รอติดตามเงินเฟ้อไทยประจำเดือน ต.ค. Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 0.94%YoY , 0.05%MoM นับว่ายังเป็นการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำแม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเงินหมื่นบาทจะเริ่มทำงานแล้ว

     สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นมา 1.28% (+18 จุด) แต่ส่วนนึงเป็นแรงหนุนจาก DELTA ที่มีผลต่อดัชนีมากถึง 9 จุดและราคาหุ้น DELTA ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่าตลาด 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งเกือบจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของ PTT และ AOT (PTT 9.6 แสนล้านบาท , AOT 8.96 แสนล้านบาท) พร้อมกับการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติราว 1.5 , 1.4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายยังไม่สูงมากเพียง 3.9 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่านักลงทุนยังไม่มั่นใจมากนักกับภาวะตลาดและอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรมากกว่าที่จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,475 - 1,490 จุด ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะและ Valuation ยังไม่ถูกมากนัก อย่างไรก็ดี ระยะสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นอาจส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในทางบวก ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะเป็นเพียงเก็งกำไรระยะสั้นและมีจุดเข้าออกที่ชัดเจน แนะนำกลุ่มส่งออก (ITC, TU) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, MINT) กลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ (CPALL, CPN, HMPRO) กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, KTB, SCB)

     หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14 บาท) คงมุมมองเชิงบวกต่อ HMPRO และกลุ่มซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน โดยเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือน ต.ค. 2024 ขณะที่ภาพระยะกลางเราเชื่อว่า Hybrid store, การขายพร้อมบริการติดตั้ง และ โครงการสินค้าแลกใหม่ จะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท

     CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 89 บาท) คาดกำไรสุทธิงวด 3Q24 จะออกมาต่ำสุดในนับตั้งแต่ 2Q23 โดยได้รับผลกระทบหลัก 2 ประการได้แก่รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวหลังรับรู้ไปมากในไตรมาสที่ผ่านมา และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 300 ล้านบาท แต่ธุรกิจหลักอื่นยังดีอยู่ทั้งในกลุ่มค่าเช่า ศูนย์อาหาร และโรงแรม โดยเราคาดไว้ที่ 3,924 ล้านบาท (-6%YoY,-14%QoQ) สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 เราคาดว่าจะเห็นรายได้กลับมาเติบโตจาก 3Q24 ได้จากผลดีของการเป็นช่วง High Seasons

 

4 กูรู "หุ้น-ทองคำ-คริปโท" ผ่าเกมลงทุน เลือกตั้งสหรัฐฯ "ทรัมป์ - แฮร์ริส"

เทรดวอร์มาแน่! ชงรัฐบาลเร่งเคลียร์หนี้เสีย-SME-เปิดประเทศรับมือเต็มสูบ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.