คำต่อคำ: "แม็คกรุ๊ป"ความท้าทายสร้างธุรกิจ พร้อมโจทย์ "1+1 ต้องเท่ากับ 3"

     "แม็คกรุ๊ปกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 อย่างแข็งแกร่ง ด้วยโลกมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ ข้อดีคือเราไม่มีหนี้ และด้วยจุดแข็งของเรา คือ แบรนด์แข็งแรง เราอยู่มานาน ปัญหาคือร้านเล็ก แต่สินค้าของเราค่อนข้างมากและมีความหลากหลาย ดังนั้นจึงต้องขยับขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่ม โดยช่องทางอีคอมเมิร์ซถือว่าเติบโตดีเกิน 15% และคงเน้นจุดขายหลักในประเทศไทย 90%  
     ที่ผ่านมามักจะมีคนถามว่าทำไมแม็คกรุ๊ปถึงไม่ขยับขยาย มีเงินสด 1,800 ล้านบาทที่ดี ซึ่งก็จริงผมว่า Cash is King เก็บเงินไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เก็บเงินไว้รอโอกาสที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดนิ่ง เรายังคงเดินหน้าธุรกิจและพัฒนาสินค้าออกมาต่อเนื่อง"

     นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC กล่าวอีกว่า การบริหารต้นทุน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทต้องทำให้ได้ ค่าคน ค่าเช่าก็ต้องคุมให้ได้ บริษัทพยายามไม่ผลักภาระต้นทุนให้กับผู้บริโภค และ ค่าคน ค่าเช่าก็ต้องคุม

     เรื่องกลยุทธ์ถือว่าสำคัญเช่นกัน เพราะทุกอย่างต้องมีกลยุทธ์ที่จะบอกว่าทำอะไรและไม่ทำอะไร แน่นอนว่าสิ่งที่จะทำคือ "อะไรขายดี ขายต่อ ขายเพิ่ม" ส่วนการขยายสาขาเพิ่มอาจต้องพิจารณาเพราะในบางอย่างอาจไม่จำเป็น หรือหากขยายสาขาก็ควรตั้งเป้าหมายยอดขาย, ร้านสวย ของดี ขายเก่ง 

     "สิ่งที่เราทำได้คือ โพรดักส์ต้องใหม่ ร้านค้าสวยจูงใจ ทุกวันนี้คู่แข่งเยอะมาก ดังนั้นเราต้องมีจุดแตกต่างที่ต้องดึงลูกค้าเข้ามาซื้อให้ได้ คนขายต้องรู้จักสินค้าและลูกค้าให้คำแนะนำได้ ขณะที่เรื่ององค์กรต้องพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง

     ทำไม MC ถึงเติบโตจนก้าวสู่ 50 ปี

     หัวใจสำคัญคือเรื่องของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เข้าถึงง่าย สินค้าจับต้องได้ ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และมีพาร์ทเนอร์ที่ดี เป็นต้นนี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของ "แม็คกรุ๊ป" เติบโต ROA , ROE ไม่มีปัญหา โตดีต่อเนื่อง ปันผลดีต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง ที่สำคัญ "ไม่มีหนี้ มีเงินสด"

     ภาพธุรกิจอีก 5 ปี แม็คกรุ๊ปยังยึดฐานลูกค้าในประเทศ ซึ่งส่วนตัวจับตาคู่แข่งตลอดเวลา เพียงแต่สิ่งที่เราต้องทำคืออัพสกิล และองค์ความรู้ให้เพิ่มขึ้น สร้างการเติบโตควบคู่การบริหารต้นทุนให้ได้  

     แนวโน้มผลงานงวดปีบัญชี 2568 (ก.ค.67-มิ.ย.68)

     ปีนี้คาดว่าจะเติบโตดีตัวเลขสองหลักได้ เนื่องด้วยบริษัทสามารถคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย การเพิ่มโพรดักส์ การใช้มาร์เก็ตติ้ง แบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาตลาดอาจไม่ค่อยดี แต่แบรนด์เราดี มีสินค้าที่น่าสนใจ โปรโมชั่นน่าสน จุดขายเยอะ ลูกค้าชอบ สินค้าที่ขายดี คือ T-Shirt 35% และ Accessorie 17% เป็นต้น ปัจจุบันมีฐานสมาชิกอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน

     ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ของปีบัญชี 2568 (1 ต.ค. - 31 ธ.ค.2567) คาดว่าน่าจะดี ดูได้จากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาครึ่งเดือนถือว่ายอดขายดีน่าจะโตกว่าปีที่แล้ว แต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. น่าจะดีมากด้วยเข้าช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ บวกกับการคุมต้นทุนค่าคน ค่าเช่าที่ดี 

     สำหรับปีบัญชี 2567 (1 กรกฎาคม 2566 - 30 มิถุนายน 2567) บริษัทมีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70 ล้านบาท หรือ 10.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 644 ล้าน โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.3% รวมทั้งยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับสูงที่ระดับ 64.2%

     งบลงทุน

     บริษัทวางเงินลงทุนปีนี้ 100 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับเปิดสาขา , รีโนเวท 80 สาขา , พัฒนาระบบเทคโนโลยีและซอฟแวร์ เป็นต้น ซึ่งในปีที่แล้วใช้เงินลงทุนราย 80 ล้านบาท นอกจากนี้มีแผนปิดสาขาเช่นกัน ปัจจุบันมีสาขาทั้งประเทศ 600 สาขา

     โอกาสลงทุนใหม่ๆ

     ตอนนี้มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ถือว่ามีคนเข้ามาค่อนข้างเยอะ อาจเนื่องด้วยบริษัทมีกระแสเงินสดค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้โอกาสการลงทุนที่ว่าต้องเป็นแบบ 1+1 ต้องเท่ากับ 3 แต่ถ้า 1+1 เท่ากับ 1 แบบนี้ส่วนตัวไม่สนใจ 

     "ขยายความ 1+1 เท่ากับ 3 สมมุติว่าผมไปคอลแลปกับบริษัทเสื้อยืด ถ้าผมทำเองผมขายเสื้อยืดได้ 100 ตัว แต่ถ้าทำกับเขาผมขายเสื้อยืดได้ 300 ตัว ลักษณะนี้ถือว่าน่าสนใจ ซึ่งก็มีการพูดคุยเรื่อยๆ ไม่รีบ"

     ความเสี่ยง

     สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ คือ ตลาด, ซัพพลาย ฯลฯ แต่สิ่งที่ควบคุมได้ คือ การสู้กับคู่แข่ง เพราะสิ่งที่มั่นใจก็คือ "ผมคอนโทรลความเสี่ยงได้"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.