เงินเฟ้อสูงกว่าคาด-ราคาน้ำมันดิบพุ่ง เคาะต้านหุ้นไทยวันนี้ 1,483 จุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯย่อตัวเลขน้อยเมื่อคืนนี้ หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อยรวมถึงการขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด แต่ฝ่ายวิเคราะห์มองกระบวนการปรับตัวของ Bond yield สหรัฐฯรอบนี้น่าจะจบลงชั่วคราวแล้ว

     ขณะที่ หุ้นไทยยังคงเดินหน้าปรับตัวแข็งแกร่ง แนวรับ 1,451 จุด แนวต้าน 1,483 จุด สนับสนุนโดยแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ยังคงดําเนินต่อไป สําหรับปัจจัยระยะสั้นที่น่าติดตาม ได้แก่ การพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้งของราคาน้ำมันดิบ จากทั้งปัจจัยความเสี่ยง Geopolitical risk และพายุเฮอร์ริเคนที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯมองเป็นปัจจัย Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทยในวันนี้

     สหรัฐฯรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคประจําเดือน ก.ย. ปรากฏว่าออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย ทั้งในส่วนของ Headline และ Core CPI ส่งผลทําให้ ล่าสุดนักลงทุนตัดโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยรวมกันในระดับ 75bps ในช่วงที่เหลือของปีนี้ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจัยนี้ถือเป็นปัจจัยที่ฝ่ายวิเคราะห์เฝ้ารอให้เกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่ากระบวนการปรับตัวขึ้นของ Bond yield สหรัฐฯรอบนี้มีโอกาสจบสิ้นลงชั่วคราวมองตราสารที่น่าสนใจจากปรากฏการณ์ปัจจุบันคือพันธบัตรสหรัฐฯโดยตรงนั่นเอง

     ปัจจัยที่สร้าง Surprise ให้กับเราเมื่อวานนี้ ได้แก่ รายงานดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยประจําเดือนกันยายนที่ปรับลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 55.3 ทําจุดต่ำสุดในรอบ 17 เดือน เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่การเมืองไทยเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว และยังเป็นช่วงที่รัฐบาลประกาศมาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาทแก่กลุ่มคนเปราะบางอีกด้วย ทั้งนี้สาเหตุของความเชื่อมั่นที่ลดลงเกิดจากความกังวลต่อเหตุการณ์น้ำท่วม ค่าครองชีพที่ยังอยู่สูง รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าจนอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก เป็นต้น

     ในมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์นั้น กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกท่ามกลางสภาวะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นมากนัก
แต่มีปัจจัยบวกรออยู่ในช่วงปลายปีจากการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติมผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี ฝ่ายวิเคราะห์วางแนวทางไว้ดังนี้

     1) หากจะต้องลงทุนเลย ณ ปัจจุบัน มองว่าจําเป็นต้องโฟกัสการลงทุนไปยังหุ้นที่คาดว่าจะมีผลกําไรไตรมาส 3/67 ออกมาในระดับแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Consumerstaple เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น CPALL, CPAXT, BJC เป็นต้น หรือโฟกัสไปยังหุ้นที่มีธีมเฉพาะตัวสนับสนุนอย่าง เช่น COM7 ที่ได้รับประโยชน์จากกระแสตอบรับที่ดีของ iPhone รุ่นใหม่ และยังเป็นหุ้นที่เราคาดว่าจะถูกนําเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป

     2) หากรอได้ มองว่านักลงทุนสามารถรอการประกาศงบฯไตรมาส 3 ซึ่งน่าจะมีความอ่อนแอออกมาก่อนจึงค่อยทําการ Buy on Fact โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Discretionary ที่มี Valuation อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และคาดว่าจะเป็นผู้เล่นหลักที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคปลายปี เช่น HMPRO และ CRC เป็นต้น

เคาะกรอบ 1455-1481 จุด

     บล.กรุงศรี คาดการณ์แนวโน้ม SET INDEX วันนี้“ลุ้นขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,475 / 1,481 จุด แนวรับขยับตาม 1,460 / 1,455 จุด” ทั้งนี้แท่งเทียนปิดในลักษณะของ SPINNING TOP เหนือระดับ VWAP และ EMA 5,10,25 D และสามารถ BREAKOUT กรอบ BULLISH FLAG ขึ้น โดยที่เครื่องมือทางด้านเทคนิคกลับมามีสัญญาณเป็นบวกหลายเครื่องมือ ทั้ง MODIFIED STOCHASTIC, RSI และ MACD อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นตามอาจทำให้ดัชนีเผชิญกับความผันผวนตามแนวต้านได้ ฉะนั้นให้น้ำหนักดัชนีมีลุ้นขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,475 / 1,481 (PRIOR HIGH / FIBO. 123.6%) โดยวางแนวรับขยับขึ้นตามที่ 1,460 / 1,455 จุด (EMA 5D / 10D)

     คำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้นอยู่ในด้าน SELECTIVE BUY และขายทำกำไรเมื่อดัชนีแกว่งตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่กำหนด ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวยังคงแนะนำถือลงทุน / RUN TREND ต่อ

IVL เป้า 25 / 26 แนวรับ 24.10 จุดตัดขาดทุน 23.70 บาท
BCH เป้า 19 / 19.60  แนวรับ 18.30 จุดตัดขาดทุน 18 บาท
ROJNA  เป้า 7.20 / 7.55  แนวรับ 6.85 จุดตัดขาดทุน 6.70 บาท
HTECH เป้า 4.44 / 4.60 แนวรับ 4.26 จุดตัดขาดทุน 4.20 บาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.