คำต่อคำ: "อัสสเดช"มั่นใจวายุภักษ์-ThaiESG ดันหุ้นไทยโค้งสุดท้ายสวย
หุ้นไทยไม่ไร้เสน่ห์!
"ภาพตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ถือว่ายังมีความหวังที่ดี ด้วยปัจจัยหลายอย่างในประเทศยังเป็นบวก ทั้ง การประกาศงบไตรมาส 3/2567 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่คาดว่าจะดี ส่วนที่จะต้องให้ความสำคัญจากนี้คือปัจจัยภายนอกที่มีทั้งบวกและลบ โดยปัจจัยบวกคือ จีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีผลกระทบในบางธุรกิจของไทยอย่างไร อีกทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลางเป็นอะไรที่ต้องจับตาดูถือเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้นักลงทุนอาจนำเงินไปไว้ในสินทรัพย์ปลอดภัย(Safe Haven)
ส่วนฟันด์โฟลว์ยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ลดลง ความน่าสนใจของตลาดทุนยังดีอยู่ ด้วยเม็ดเงินของกองทุนวายุภักษ์ที่ระดมทุนมาได้ 150,000 ล้านบาทเพิ่งเริ่มทยอยเข้ามาในตลาดหุ้น ขณะที่กองทุน ThaiESG โมเมนตัมกำลังเริ่มเข้ามาและคาดว่าเม็ดเงินในการบริหารการเงินจะเข้ามาเพิ่มในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯและสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)เร่งให้ความรู้แก่นักลงทุน"
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการให้เรื่องการลงทุนไม่กระจุกแค่เพียงกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น แต่อยากให้กระจายการลงทุนในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการโรดโชว์ให้กับนักลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่นเรียกได้ว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนรุ่นใหม่ค่อนข้างดี
กำไรดี ฟันโฟลว์แน่น
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเสริมทัพว่า ภาพการเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้นหลังเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่รายงานออกมาเข้มแข็งกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนผ่านการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยในเดือนกันยายนสูงสุดในรอบ 22 เดือน ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างรวดเร็ว หากพิจารณาจาก Sensitivity Analysis พบว่าหุ้นของบริษัทในกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบเชิงลบต่อคาดการณ์กำไรในอนาคต ซึ่งตรงกันข้ามกับหุ้นของบริษัทในกลุ่ม domestic play และกลุ่มที่มีสัดส่วนนำเข้าเพื่อผลิตสูงที่อาจได้อานิสงส์จากต้นทุนที่ลดลง
"เม็ดเงินลงทุนต่างชาติคาดว่ายังไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากกำไรของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2567 ออกมาน่าพอใจ ซึ่งโดยปกติกำไรของบริษัทจดทะเบียนมักจะสอดคล้องกับตัวเลข GDP"
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือน ก.ย.2567 SET Index ปิดที่ 1,448.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.6% จากสิ้นเดือน ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค.2564 ทำให้เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% โดยทุกกลุ่มอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น และกลุ่มที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
เป้าวอลุ่มเทรดปีนี้
มูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แตะระดับ 62,503 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 26.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 35.8%จากเดือนที่แล้ว ทำให้วอลุ่มเทรดช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 46,481 ล้านบาท ลดลง 17.3%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้มมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของทั้ง SET และ mai ในปี 2567นี้คาดว่ามีโอกาสเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 53,331 ล้านบาทต่อวัน และคาดหวังว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้วอลุ่มเทรดต่อวันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือทรงตัวในระดับดังกล่าวได้
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.