เงินบาทอ่อนตามสกุลเอเชียและหยวนดัชนีหุ้นไทยถอยรอรัฐบาลใหม่แจงนโยบาย

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทอ่อนสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.65 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ก่อนฟื้นตัวกลับมาบางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าลงสอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก การอ่อนค่าของเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชียท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มที่เปราะบางของเศรษฐกิจจีน อีกทั้งยังมีแรงกดดันต่อเนื่องจากสถานะขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยด้วยเช่นกัน      

นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนจากบอนด์ยีลด์ระยะสั้นของสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้น และการที่ตลาดกลับมาทบทวนมุมมองที่มีต่อโอกาสความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินต่อเนื่องอีกในการประชุม FOMC รอบที่เหลือของปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด อาทิ ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนส.ค. และข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 

ในวันศุกร์ที่ 8 ก.ย. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.52 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 35.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 ก.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 4-8 ก.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,733 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 7,871 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 7,371 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 500 ล้านบาท) 

สัปดาห์ถัดไป (11-15 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.20-35.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายละเอียดของนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและค่าเงินหยวน

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อจากมุมมองผู้บริโภคเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม ECB และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก อัตราการว่างงาน และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้หุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์สวนทางหุ้นภูมิภาค โดยเผชิญแรงขายหลักจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน นำโดย หุ้นกลุ่มพลังงานจากความกังวลเรื่องนโยบายลดค่าครองชีพและข่าวน้ำมันดิบรั่วไหล

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยขยับขึ้นเล็กน้อยและเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปบางกลุ่มเข้ามาช่วยประคอง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียขยายเวลาการลดกำลังการผลิตถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่นักลงทุนยังรอติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลในสัปดาห์หน้า พร้อมๆ กับการประเมินแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ     

ในวันศุกร์ที่ 8 ก.ย. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,547.17 จุด ลดลง 0.92% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,248.84 ล้านบาท ลดลง 26.91% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.80% มาปิดที่ระดับ 480.70 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,540 และ 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,565 และ 1,580 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกเดือนส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.