SET พักตัวระยะสั้น 1,400 - 1,430 จุด จับตา ครม.แถลงนโยบายต่อสภาฯ

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET Index ชะลอความร้อนแรงต่อเนื่องตามคาดหลังจากปรับตัวร้อนแรงในวันก่อนหน้า ปิดลบอีก 12.62 จุด ที่ระดับ 1,415.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น 7.4 หมื่นล้านบาท แรงกดดันบางส่วนคาดมาจากความกังวลเรื่องกองทุนวายุภักษ์หลังอดีตรมว.คลังยื่นจดหมายค้านการขายหน่วยลงทุน สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีกบางๆ 325 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 2.7 พันล้านบาท แต่คาดเป็นผลจาก Big Lot BH หากตัดออกอาจเห็นต่างชาติมีสภานะเป็นขายสุทธิ (แต่ Short Index Futures 1.1 หมื่นสัญญา)

     แนวโน้มตลาดวันนี้(12 ก.ย.67) ฝ่ายวิเคราะห์คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up หลังจากพักฐานเข้าหากรอบแนวรับ 1,400-1,410 จุดตามคาด โดยประเมินกรอบการแกว่งตัวที่ 1,405-1,425 จุด หนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น การดีเบตระหว่างผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯวานนี้ ตลาดมองแฮร์ริสมีชัยเหนือทรัมป์ ส่วนเงินเฟ้อ CPI เดือน ส.ค. สหรัฐฯออกมาใกล้เคียงคาด แต่ Core CPI เร่งขึ้นสูงกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้ตลาดคาดว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 25 bps ด้วยความน่าจะเป็นที่เพิ่มขึ้นเป็น 85% 

     ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้โฟกัสอยู่ที่การแถลงนโยบายของ ครม.ใหม่ต่อสภาฯ และติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือว่าจะลุกลามขยายวงกว้างหรือไม่ ขณะที่การประชุมนัดแรกวันที่ 17 ก.ย. คาดเห็นความชัดเจนของโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเดือน ต.ค. ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมุมมองเชิงบวกและตลาดมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยใน 4Q24-2025 จากนโยบายเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาจาก ครม. ซึ่งจะเป็นบวกโดยเฉพาะฝั่งการบริโภคในระยะสั้น ขณะที่เม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1-1.5 แสนล้านบาทจะเข้ามาหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index ใน 4Q24

     กลยุทธ์เลือกหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว หุ้นเด่นเดือน ก.ย. BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

     หุ้นเด่นวันนี้ คือ แนะนำซื้อ KCG ราคาเป้าหมาย 13 บาท โมเมนตัมกำไร 3Q24 เบื้องต้นคาดทรง q-q แต่ยังโตแกร่ง y-y รวมถึงคาดเร่งตัวขึ้นใน 4Q24 จาก High Season ของธุรกิจเนยและชีส ประกอบกับโครงการ Logistic Park ที่จะเริ่มดำเนินงานจะช่วยลดต้นทุนการขส่งและการจัดเก็บสินค้า ชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นได้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปกติปี 2024-2025 ที่ 369 ล้านบาท +26% y-y และ 428 ล้านบาท +16% y-y ตามลำดับ ด้าน Valuation ยังน่าสนใจมาก เทรด 2025PER เพียง 13 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 3.5-4% ต่อปี ขณะที่บาทแข็งเป็นบวกต่อฝั่งต้นทุน แนวรับ 10 / 9.60-9.50 บาท แนวต้าน 10.50 / 10.80 บาท

ประเด็นสำคัญวันนี้

     (+) เงินเฟ้อ Core CPI สหรัฐเดือนส.ค. สูงกว่าคาดเล็กน้อย เงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค. ที่ +0.3% m-m สูงกว่าตลาดคาด +0.2% แต่ +3.2% y-y ตามคาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป +0.2% m-m ตามคาด แต่ +2.5% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +2.6% y-y และลดลงจาก +2.9% y-y ในเดือนก่อนหน้านี้ ตลาดคาดมีโอกาส 85% ที่เฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับในเชิงบวก นำโดยหุ้นเทคโนโลยีเมื่อคืนที่ผ่านมา และน่าจะส่งผลบวกต่อเนื่องในตลาดหุ้นภูมิภาคด้วย

     (+) TISCO คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.69 พันลบ. –3% q-q และ –96% y-y จากรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจ Investment Banking และธุรกิจหลักทรัพย์ที่ชะลอตามภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซา และคาดไม่มีกำไรจาก trading investment ใน FVTPL ส่วนการเติบโตของสินเชื่อยังชะลอตัว และ NIM คาดอยู่ที่ 4.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสินเชื่อที่มี Yield สูง ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังไม่ดีขึ้น แม้ตั้งสำรอง ECL ลดลง โดยคาด NPL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.49%  คาดกำไรสุทธิ 9M24 -6% y-y และคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปี 2024 –5% y-y เราปรับใช้ราคาเป้าหมายเป็นปี 2025 ที่ 98 บาท Div. yield 8% ต่อปี คงคำแนะนำ “ถือ”

     (+) AP ยอด Presales ก.ค.-ส.ค.ดูดีขึ้น +11% y-y เป็น 9.6 พันลบ.ผลักดันจากแนวราบโดยเฉพาะทาวน์โฮม หนุนให้ 3Q24 คาดจบที่ 1.25 หมื่นลบ. +7% y-y แต่ -13% q-q ตามการเปิดคอนโดใหม่น้อยลง ขณะที่บริษัทเริ่มพัฒนารูปแบบใหม่เป็นโครงการ Luxury บนที่ดินขนาดเล็ก เริ่มเปิดตัวทำเลถนนจันทน์และทำยอดขายน่าพอใจ ส่วนกำไร 3Q24 เบื้องต้นเราประเมิน 1.3-1.4 พันลบ. ลดลง y-y จากฐานสูง แต่โต q-q หนุนจากเริ่มโอนคอนโด JV ใหญ่ Life Rama 4-Asoke รวมถึงรับรู้ต่อเนื่องของ 2 คอนโดใหม่ใน 2Q24 และ Backlog แนวราบยกมาราว 13.5 พันลบ. หุ้นซื้อขายบน PE 5.2x และคาดให้ปันผลปีนี้ 6.4% ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 10.80 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

     (+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CPALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9

 

เงินเฟ้อสหรัฐฯสูงกว่าคาดกดดันบาทอ่อน-ส่งออก

     บทวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.3% อย่างไรก็ตาม S&P500 , Nasdaq ปิดบวกมากถึง 1% , 2.2% ตามลำดับ เพราะได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่ม Technology ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทพลังงานหลายแห่งได้ระงับการผลิตที่แท่นขุดเจาะน้ำมันจากพายุที่กำลังเข้าสู่สหรัฐฯ

     เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อขยายตัวตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อพื้นฐานเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัว 0.3%MoM สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.2%MoM ส่งผลให้นักลงทุนกลับมากังวลกับการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่อาจจะปรับลดไม่ถึง 0.50% ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนัก FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% มากถึง 85% จากก่อนหน้าที่เพียง 60% และปรับลดน้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.50% เหลือ 15% จากก่อนหน้าราว 30-40%

     ส่งผลให้ Dollar Index กลับมาแข็งค่า พร้อมกับเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าเช่นกัน (ระยะสั้นเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก TU ITC) แต่อย่างน้อยการที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าคาดหมายก็ช่วยให้คลายกังวลเศรษฐกิจถดถอยได้ในระดับนึง ส่วนหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนอุตสาหกรรมที่กลับมา Outperform ได้แก่ Technology (+3.2%) ด้าน SET INDEX วานนี้กลับมาปิดลบ 0.88% เริ่มมีสัญญาณพักตัวหลังปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดราว 12% ซึ่งรับรู้ประเด็นบวกต่างๆไปมากแล้วไม่ว่าจะเป็นปัจจัยการเมือง กองทุนวายุภักษ์ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล ซึ่งวันนี้จะมีแถลงนโยบายบริหารบ้านเมืองจากรัฐบาลแนะรอติดตามโดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ

     ข้อมูลจากรัฐมนตรีคลังระบุว่าเล็งเห็นการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว พร้อมกับดูแลการบริโภคผ่านการแก้หนี้ให้ประชาชน มองเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) คืนนี้รอติดตามดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ (PPI) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.7%YoY , 0.1%MoM พร้อมกับผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.27 แสน 

     วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,420 - 1,430 จุด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะสั้นยังแนะเป็นจุดทยอยทำกำไรจากการที่ดัชนีรับรู้ปัจจัยบวกไปมากแล้วและมีโอกาสเข้าสู่การพักตัวระยะสั้นแต่การปรับฐาน (หากเกิดขึ้น) ยังมองเป็นโอกาสสะสมมองจุดน่าสนใจช่วง 1,380 +/- โดยเน้นสะสมในกลุ่ม Domestic Play ที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายใน อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD) ทั้งนี้ในเชิงการเก็งกำไรระยะสั้นแนะนำกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ปัจจัยหนุนน้ำมันฟื้น และกลุ่มส่งออก (ITC TU)

     แนะนำซื้อ TU ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท ผลประกอบการงวด 2Q24 มีกำไรสุทธิ 1,219 ล้านบาท แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 200 ล้านบาท กำไรปกติจะดีกว่าที่เราคาดไว้ 12% ได้รับผลดีจากกำไรขั้นต้นที่สูงถึง 18.5% ขณะที่รายได้ยังคงเติบโตได้แม้จะมีปัญหาลูกค้าขาดแคลนตู้สินค้า ด้านแนวโน้ม 2H24 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและครึ่งปีแรก จากธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Foods)

     PTTEP ราคาเป้าหมาย 181 บาท รายงานกำไรสุทธิใน 2Q24 ที่ 2.4 หมื่นล้าน (+14%YoY, +28%QoQ) มากกว่าที่เราและตลาดคาด โดยปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 507 KBOED (+14%YoY, +7%QoQ) เนื่องจากการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณปรับสูงขึ้น (ราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าแบบสัมปทานเดิม) และ Algeria HBR ที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาเฉลี่ย (ASP) อยู่ที่ 47 US$/BOE (+3%YoY, -1%QoQ) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.