FM ยันผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ทิ้งหุ้น ลุยลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์ จ่อปิดดีล Q1/68

นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM เปิดเผยว่า ราคาหุ้นของบริษัทที่ปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 5.40 บาท/หุ้น ไม่เกี่ยวกับผู้ถือหุ้นเดิมขายหุ้นออกไปตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ยืนยันกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งครอบครัวดุษฎีโหนด และกองทุนนอร์ทเฮเว่น ไทย ไพรเวท อิควิตี้ โดมินิค คอมปานี (ฮ่องกง) ยังคงถือหุ้น FM และพร้อมที่จะถือลงทุนระยะยาว เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตที่ดี 

“จากการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นเดือน ส.ค.2567 พบว่า นอร์ทเฮเว่น ไทยฯ ไม่ได้ขายหุ้นออกไป ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นเท่าเดิม เพราะเชื่อมั่นในธุรกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด” นายณัฐพล กล่าว

ขณะเดียวกัน ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแข็งแกร่ง และมีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทเดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจารูปแบบการลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อสร้าง New Growth น่าจะมีความชัดเจนภายในปลายปี 2567 และทำ Due Diligence ในช่วงต้นปี 2568 จากนั้นคาดว่าจะได้จบภายในไตรมาส 1/2568

“ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าลงทุนครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแบ่งกำไรในบริษัทที่เข้าไปลงทุน เบื้องต้นเข้าลงทุนในสัดส่วน 25-35% ขึ้นอยู่กับการดีล และได้นำโครงกระดูกและเครื่องในของบริษัทไปทำอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งบริษัทเป้าหมายที่จะเข้าลงทุน เป็นที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีขนาดกำลังการผลิตที่ประมาณ 2,000 ตัน/เดือน และมียอดขายไม่เกิน 1,000 ล้านบาท/ปี” นายณัฐพล กล่าว 

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่ารายได้รวมจะเติบโต 20-25% หรือประมาณ 6,900-7,000 ล้านบาท จากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 5,791 ล้านบาท โดยรายได้ชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุก เติบโต 15-20% และรายได้จากการผลิตและจำหน่ายไก่ชำแหละ เติบโต 25-30% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลัก หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.16% 

ประกอบกับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังปี 2567 คาดว่าจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้ 3,625 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 362 ล้านบาท เนื่องจากมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เพิ่มขึ้นจากลูกค้าใหม่รายใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทเกาหลีที่ส่งสินค้าไปทั่วโลก โดยบริษัทจะเริ่มส่งมอบสินค้าชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุก ล็อตแรกในช่วงครึ่งหลังปีนี้

ทางด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 10-15% จากปี 2567 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกเฟสแรก เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีกำลังการผลิต อยู่ที่ 27,600 ตัน/ปี เป็น 30,000 ตัน/ปี ในไตรมาส 2/2568 และเฟสที่ 2 เพิ่มเป็น 36,000 ตัน/ปี ในปี 2569 ส่วนผลิตภัณฑ์ไก่ชำแหละ เพิ่มขึ้น 25% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 144,000 ตัว/วัน เป็น 180,000 ตัว/วัน ในปี 2569

รวมถึงชิ้นส่วนไก่แปรรูปปรุงสุกส่งออกในกลุ่มลูกค้าเดิมที่ยังเติบโต และการขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่นรายใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนและเริ่มส่งมอบสินค้าได้ในปี 2568 

ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากในประเทศ 50% และส่งออก 50% โดยกลุ่มลูกค้าส่งออก แบ่งเป็นยุโรป 40% ญี่ปุ่น 28% จีน 19% และมาเลเซีย 13% ซึ่งเป้าหมายระยะยาวจะเป็นยุโรป 35% ญี่ปุ่น 35% ส่วนอีก 30% มาจากประเทศอื่นๆ   
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.