ส่องกลุ่มหุ้นรับอานิสงส์ระยะสั้น-ยาว “ทักษิณ” เปิดวิสัยทัศน์ฟื้นประเทศ

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า วานนี้ (22 ส.ค.) จากเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ในงาน Vision for Thailand 2024 สามารถสรุปได้ดังนี้ 

1.ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน และธุรกิจ คลังต้องคุยกับสมาคมธนาคารว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร

2.ประสานนโยบายเศรษฐกิจกับ ธปท. เพื่อให้นโยบายการเงินและการคลังไปทางเดียวกัน เช่น ธปท. ลดอุปทานเงิน 1% ตั้งแต่ พ.ค. แต่รัฐบาลมองว่าต่างจังหวัดขาดสภาพคล่อง ทำให้เศรษฐกิจเดินไม่ได้

3.ดิจิทัลวอลเล็ต-นำงบเพิ่มเติมปี 1.22 แสนล้านบาท และ งบกลางอีก 2 หมื่นล้านบาท แจกเป็นเงินสดให้กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้พิการ รวม 14.5 ล้านคน ในเดือน ก.ย. ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนงบประมาณใหม่ที่ออกมาในเดือน ต.ค. จะจ่ายให้กับคนที่ลงทะเบียนแล้วเป็นระบบดิจิทัลวอลเล็ต 30 ล้านคน

4.ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม-ดาต้าเซนเตอร์ กรีนเอนเนอร์ยี่ขอจีนให้ไทยฐานผลิตรถไฟฟ้าพวงมาลัยขวาและฐานยิงดาวเทียมขนาดเล็ก

5.การแข่งขันของ SMEs ที่สู้สินค้าจีนได้ลำบาก ต้องมีการตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มข้น อย่าให้เอาเปรียบสินค้าไทย

6.หนุนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์สร้างรายได้ เช่น มวยไทย รวมทั้งการสนับสนุนอีสปอร์ตและสนับสนุนแฟชั่นโชว์

7.การปฏิรูปการเกษตรใหม่ ปัจจุบันเราไม่สามารถที่จะสู้เวียดนามได้ในการผลิตข้าว คุณภาพข้าวดีกว่า ไทยต้องใช้ R&D ช่วย เราสามารถทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหารและช่วยประเทศอื่นๆ ได้

8.เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ขยายสุวรรณภูมิ สร้างและปรับปรุงสนามบินให้มากขึ้น รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว Man Made การแก้กฎหมายเพื่อแก้ระเบียบอำนวยความสะดวกให้ Private Jet มากขึ้น

9.Entertainment Complex มีสวนสนุก โรงแรม พื้นที่กาสิโนมีไม่ถึง 10% กทม.ต้องลงทุนเป็นแสนล้านบาท และต่างจังหวัดแห่งละ 5 หมื่นล้านบาท 

10.การลงทุนขนาดใหญ่ต้องเกิดขึ้นในช่วง 3 ปีของรัฐบาลนี้ รวมทั้งลงทุนแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ถมทะเลบางขุนเทียน-ปากน้ำเป็นเมืองใหม่

11.โครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-หนองคาย ต้องเสร็จในปีหน้า ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ต้องทำเวนคืนรถไฟฟ้าบางสายมาบริหารเอง โดยเสนอให้ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเก็บค่ารถใช้น้ำมันที่เข้าเขตเมือง เพื่อหนุนคนมาใช้ระบบสาธารณะและลดความแออัดการจราจร

12.ผลักดันเรื่องของการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งประเทศ หรือลดค่าน้ำมันไฟฟ้าในประเทศได้

13.เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ให้ธนาคารทั่วโลกเข้ามาลงทุนในไทย และแบงก์ไทยก็ไปตั้งในต่างประเทศได้

14.นำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพื่อเก็บภาษีไปใช้ เช่น ทุนการศึกษาเด็กนักเรียน, จ้างครูเก่งๆ มาสอนในประเทศ ทำให้ GDP โตได้อีก 50%

15.การขยายกองทุนวายุภักษ์ เพื่อซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นใน SET 50 และ SET 100

16.การปรับภาษีให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ เช่น Negative Income Tax คนรายได้น้อยไม่เสียภาษี และคนที่มีรายได้สูงจะเสียภาษีอย่างเป็นธรรม

17.ปรับลดขนาดของราชการ และการปฏิรรูประบบราชการ การใช้เทคโนโลยีให้กับระบบราชการมากขึ้น รวมทั้งการปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น

ทั้งนี้ มองว่า ประเด็นสำคัญ คือ ต้องการเพิ่มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ด้วยการเพิ่มสภาพคล่อง (กำลังซื้อ) และลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม และสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงเงินทุนจากต่างชาติกลับมาไทย

นอกจากนี้ มองว่า มีบางประเด็นที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เร็ว ได้แก่ 1) การเดินหน้าแจกเงินสดให้แก่กลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้พิการ วงเงิน 1.45 แสนล้านบาท ในเดือน ก.ย.นี้ และเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตในอนาคต 2) การประสานนโยบายเศรษฐกิจระหว่างคลังและ ธปท. ให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งคาดจะทำให้มีโอกาสนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้นและการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน และ 3) เดินหน้าขยายกองทุนวายุภักษ์ ตามแผนเดิมของรัฐบาลก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้นไทย ส่วนประเด็นที่เหลือคงต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณาดำเนินการต่อไป

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้น มีมุมมองบวกต่อ SET และเศรษฐกิจไทย หลังการเปิด Vision ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งคาดมีโอกาสเป็นแผนของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะนำไปดำเนินการเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมองประเด็นที่คาดจะเห็นผลในระยะสั้น คือ 

1) การแจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้พิการ ในเดือน ก.ย. ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังซื้อและหนุนบรรยากาศจับจ่ายใช้สอย จึงเป็นบวกมากสุดต่อกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ CPAXT, CPALL, BJC, TNP และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (OSP, CBG) ส่วนกลุ่มรองมาที่คาดได้ประโยชน์ทางอ้อม คือ กลุ่มสื่อโฆษณาและกลุ่มร้านอาหาร

2) การขยายกองทุนวายุภักษ์ คาดจะเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศลงทุนจากเม็ดเงินใหม่ที่จะไหลเข้าสู่ตลาด (ข่าวล่าสุด 1-1.5 แสนล้านบาท) และช่วยรักษาเสถียรภาพให้กับตลาดด้วย โดยเฉพาะหุ้น SET50-SET100

และ 3) การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและธุรกิจ มองเป็นกลางต่อกลุ่มธนาคาร แต่อาจส่งผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มยานยนต์จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น

ส่วนนโยบายที่เหลือคาดเป็นโอกาสส่งผลบวกในระยะยาว ซึ่งยังให้น้ำหนักน้อย เนื่องจากต้องมีการศึกษา เจรจาเพิ่มเติม โดยหากทำได้จริงจะส่งผลบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มขนส่ง กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน กลุ่มอาหาร กลุ่มอสังหา กลุ่มนิคม กลุ่มสื่อสาร กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.