TRUE งบ Q2/67 โชว์ EBITDA โตติดต่อกัน 6 ไตรมาส ดันกำไรหลังปรับปรุงแตะ 2,398 ล้าน

นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 1,879 ล้านบาท เนื่องจากมีบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย จำนวน 4,277 ล้านบาท

โดยหากไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กำไรสุทธิหลังหักภาษีจะอยู่ที่ 2,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,596 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 802 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของ EBITDA และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (D&A) ที่ลดลง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 6,112 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

“นับตั้งแต่การควบรวมกิจการเมื่อปีที่แล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างยั่งยืน เราให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ผลประกอบการไตรมาส 2 สอดคล้องกับแผนการควบรวมกิจการ โดยมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและ EBITDA แสดงการเติบโตเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน” นายมนัสส์ กล่าว 

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนการเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างกำไรและคุณค่าอย่างยั่งยืนผ่านประสบการณ์ การเติบโต และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมภายในปี 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการทำกำไรในปี 2567 มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเติบโตที่มีกำไร ในขณะที่ปี 2568 จะเป็นปีแห่งการทำกำไรอย่างยั่งยืนและการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า อุตสาหกรรม ตลาด และประเทศโดยรวม

นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวถึงแผนการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและการเตรียมพร้อมสู่อนาคตว่า บริษัทกำลังเร่งการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย โดยได้ดำเนินการพัฒนาไปแล้วกว่า 7,100 สถานี จากทั้งหมด 17,000 สถานี ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (NPS) ดีขึ้น และได้จัดตั้งกลุ่มงานลูกค้าและ AI เพื่อยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

“การพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยยังคงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด เรากำลังใช้กลยุทธ์แบบ 360 องศา ในระดับละเอียดเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเร็วสูงสุดของ 5G เป็น 2 เท่า ผ่านโครงข่ายที่เหนือกว่าและครอบคลุมกว้างที่สุด” นายชารัด กล่าว 

ทรู คอร์ปอเรชั่น มีเจตนารมณ์ในการลงทุนสำหรับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถของระบบหลังบ้านแบบอัตโนมัติ (Back-end systems) เพื่อขับเคลื่อนการเป็นดิจิทัลทั่วทั้งองค์กร ทำให้ทรูก้าวล้ำในการเป็นบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยี จากเสาสัญญาณทั้งหมด 59,000 สถานี เราจะพัฒนา 17,000 สถานี โดยมีแผนพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป 10,000 สถานี ภายในปี 2567 และส่วนที่เหลือจะแล้วเสร็จในปี 2568 

ในไตรมาส 2/2567 การให้ความสำคัญเชิงคุณภาพในการได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลง 0.6 ล้านเลขหมาย หรือ 1.2% จากไตรมาสก่อน โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 50.5 ล้านเลขหมาย จำนวนผู้ใช้บริการระบบรายเดือนคงที่จากไตรมาสก่อนที่ 15.3 ล้านเลขหมาย ผู้ใช้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.1% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3.7 ล้านราย

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า EBITDA ในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 24,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสก่อน 

ซึ่งหากปรับปรุงด้วยผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 2/2566 EBITDA จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องมาจากการเติบโตของรายได้และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การควบรวมกิจการที่ 58.6% สำหรับไตรมาส/2567

โดยหากนับตั้งแต่ควบรวมบริษัท EBITDA เพิ่มขึ้น 4,883 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเติบโตของ EBITDA เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน 

ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 51,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) อยู่ที่ 41,529 ล้านบาท เติบโต 5.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากการบริหารผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ 

รายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อยู่ที่ 32,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจาก ARPU เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน รายได้จากบริการออนไลน์ อยู่ที่ 6,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ ARPU อย่างต่อเนื่องที่ 9.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน  

รายได้จากบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (PayTV) อยู่ที่ 1,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากรายได้ที่สูงขึ้นจากธุรกิจดนตรีและบันเทิง อย่างไรก็ตาม รายได้จากค่าสมาชิกยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/2567 

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A) ลดลง 3.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน หลังการปรับปรุงผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 2/2566 โดยปัจจัยหลักมาจากประโยชน์ที่ได้รับจากการควบรวมกิจการ ต้นทุนเครือข่ายลดลง 7.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการประหยัดต้นทุนผ่านการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการลดอัตราราคาพลังงาน 

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 14.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยได้รับประโยชน์จากการควบรวมกิจการในโครงการปรับปรุงด้านการค้าและการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย ทั้งนี้ บริษัทได้ผสานแนวคิดการมุ่งเน้นผลการดำเนินงานเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรและมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงโครงสร้าง ส่งผลให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับปรุงแนวโน้มสำหรับปี 2567 โดยคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) เติบโต 4-5% จากปีก่อน เดิมคาดว่าเติบโต 3-4%, EBITDA จะเติบโต 12-14% จากปีก่อน เดิมคาดว่าเติบโต 9-11% ในขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) รวมถึงการลงทุนเพื่อการควบรวมกิจการยังคงอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ทั้งปี 2567 จะยังคงมีกำไรหากไม่รวมผลกระทบจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.