NCP เปิดเทรดวันแรก 2.28 บาท เหนือจอง 14%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (31 ก.ค.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยเปิดที่ราคา 2.28 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.28 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 14% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.00 บาท 
 
ล่าสุด เวลา 11.38 น. ปรับเพิ่มขึ้น 0.32 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 16% มาอยู่ที่ 2.32 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 446.13 ล้านบาท 

ทั้งนี้ NCP ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า และให้บริการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) ผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ (Telemarketing) โดยสินค้าที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่าย ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ความสวยงาม และสินค้าเวชสำอาง

NCP เสนอราคาขาย IPO ที่ 2.00 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 50,000,000 หุ้น คิดเป็น 27.78% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้

1.ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่
2.ก่อสร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ 
3.พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ และพัฒนาระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน
4.เงินทุนหมุนเวียน

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 191.23 ล้านบาท 181.03 ล้านบาท และ 173.11 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 25.56 ล้านบาท 20.22 ล้านบาท และ 12.53 ล้านบาท ตามลำดับ 

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 45.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 2.75 ล้านบาท

นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนซ์ คอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCP เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเพิ่มขึ้น 14% สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี มีศักยภาพการเติบโตสูง และมั่นใจในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ที่สอดรับไปกับเทรนด์การเติบโตของโลกดิจิทัล รวมถึงผลประกอบการที่มีโอกาสเติบโตได้อีกไกลในอนาคต

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะใช้ก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ เพื่อรองรับพนักงานที่เพิ่มขึ้น และวางแผนให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เรื่องธุรกิจ Telesales โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 3/2568, ก่อสร้างห้องทำงาน Telesales ในเรือนจำ ตามการขยายโครงการโครงการคืนคนดีสู่สังคมในเรือนจำ รวม 5 แห่ง ภายในปี 2569, พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ สำหรับธุรกิจใหม่และพัฒนาระบบเครือข่าย เพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงานภายในสิ้นปี 2568 และเป็นเงินทุนหมุนเวียน 

ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจภายหลังการระดมทุน จะมุ่งต่อยอดจากธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเดิม ซึ่งเป็น Business Model ใหม่ ที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปกับโลกดิจิทัล ควบคู่กับตลาด E-commerce ที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย 1.การให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) เป็นบริการสำหรับคู่ค้าพันธมิตรที่ต้องการให้ NCP จัดหาพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) เพื่อติดต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย สนับสนุนให้ยอดขายเพิ่มผ่านการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นยอดขายต่อบิลให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 

และ 2.ธุรกิจให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) เป็นการจัดหาทีมขายผ่านโทรศัพท์ (Telesales) เฉพาะเจาะจงให้กับเจ้าของสินค้า รวมถึงการให้บริการแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมไปถึงการจัดการระบบคลังสินค้า การจัดส่ง การเก็บเงิน การวางแผนแนวทางนโยบายการขายสินค้าผ่านการวิเคราะห์การสั่งซื้อในอดีตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำร่วมกับการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอาจมีความสนใจ 

โดยทำให้ NCP สามารถให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบจำนวนมากเลือกใช้ Telesales ในการทำการตลาดออนไลน์เพื่อต่อยอดธุรกิจ ส่งผลให้บริการของบริษัทเป็นที่ต้องการของตลาด ด้วยเหตุนี้ NCP จึงเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่เข้าไปสนับสนุนธุรกิจ E-Commerce ให้มีผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นับเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเพิ่มพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ที่เป็นพนักงานประจำและผู้ต้องขังเป็น 1,000 คน จากปัจจุบันที่มี 219 คน ประกอบด้วย พนักงานประจำ 85 คน และผู้ต้องขัง 134 คน โดยมีแผนขยายขอบเขตการทำงานในเรือนจำ เพื่อให้มีพนักงาน Telesales เพิ่มขึ้นปีละ 100-150 ที่นั่ง (2-3 เรือนจำ/ปี) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเข้านำเสนอโครงการและสำรวจพื้นที่เรือนจำแห่งใหม่อีก 5 แห่งทั่วประเทศ (โดยในช่วงไตรมาส 2-3/2567 มีแผนเข้าสำรวจพื้นที่เรือนจำแห่งใหม่อีก 1 แห่ง ส่วนปี 2568-2569 คาดเปิดดำเนินการอีกปีละ 2 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาและนำเสนอโครงการ)

ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน NCP กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกในราคาเปิดเหนือจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ NCP โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคา 2.00 บาท/หุ้น รวมจำนวนเงินที่ได้ 100 ล้านบาท ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างความเข้มแข็ง พร้อมทั้งผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ได้แสดงความจำนงค์ขอ Lock Up หุ้นทั้งหมด 100% โดยได้ทำสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เพิ่มเติมในสัดส่วนที่เหลือจากการติด Silent period เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะงดการเสนอขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ นับแต่วันที่หุ้นเริ่มซื้อขาย (Lock-Up) เพื่อแสดงความจริงใจ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักลงทุน และพร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต
 
ขณะที่ นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) กล่าวว่า นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ NCP ที่จะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่ง เพราะถือเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด 

โดย NCP ถือเป็นบริษัทที่มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัว และไม่มีภาระต้นทุนที่สูง ซึ่งการกำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ราคา 2.00 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E)เท่ากับ 28.14 เท่า นับเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และถือว่ามีความเหมาะสมสำหรับนักลงทุน โดยเชื่อว่า NCP จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนในอนาคต

นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนร่วม (Joint Lead Underwriters) กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหาร ด้านการทำการตลาดแบบตรง (Direct Marketing) มากว่า 20 ปี อีกทั้ง NCP ที่เปิดดำเนินธุรกิจมากว่า 11 ปี มีผลขาดทุนเพียงปีแรกที่เริ่มดำเนินการ และปีที่บริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กร แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีความระมัดระวัง สามารถบริหารธุรกิจท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี 

โดยมองว่า ธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ถือเป็นโอกาสสนับธุรกิจ NCP ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งโครงการ “คืนคนดีสู่สังคม” นับเป็นการให้โอกาสคนอื่น สุดท้ายแล้วก็จะสะท้อนกลับมาเป็นผลดีกับ NCP ในการต่อยอดการขยายทีมงานได้มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วแบบยั่งยืนในอนาคต

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.