คลัง ยืนยัน ธปท. ระบบโครงการ Digital Wallet เน้นความปลอดภัย-รัดกุม
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องการจัดทำระบบและแอปพลิเคชันเพื่อใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ยอมรับว่า ธปท. ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องตัวระบบของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยเฉพาะในมิติของความปลอดภัย ความเสถียร ความรัดกุม ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยและความรัดกุมเกี่ยวกับตัวระบบของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นระบบการลงทะเบียน ระบบการยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ ซึ่งจะต้องปลอดภัยมากที่สุด รวมทั้งตามแผนงานที่รัฐบาลกำหนดไว้ ก่อนใช้งานจริงจะต้องมีการตรวจสอบระบบให้รอบคอบ และแจ้งให้ ธปท.รับทราบก่อน 15 วันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล
ส่วนกรณีที่แสดงความเป็นห่วงว่า แม้จะมีการลดกรอบวงเงินโครงการเหลือ 4.5 แสนล้านบาท จาก 5 แสนล้านบาท ยังเป็นตัวเลขที่สูงอยู่นั้น รมช.การคลัง ระบุว่า ความเห็นในส่วนนี้ของ ธปท. ยังคล้าย ๆ ความเห็นเดิมซึ่งเป็นจุดยืนเดิมของ ธปท. ที่มองว่าควรจะใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง 16 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลก็ยังคงยืนยันตามเดิมว่า ในส่วนนี้ไม่ตรงกับจุดประสงค์ของโครงการ ที่ต้องการทำเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการผลิตด้วย ไม่ใช่แค่กระตุ้นการบริโภคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“เรื่องกรอบงบประมาณโครงการอาจจะมองกันคนละวัตถุประสงค์ ก็ไม่เป็นไร ตรงนั้นก็เป็นความเห็นของ ธปท. ซึ่งก็มีมาตั้งแต่แรก ๆ อยู่แล้ว และที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วด้วยเช่นกัน โดยรัฐบาลยังยืนยันตามเดิมว่า วัตถุประสงค์การดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ตนี้คนละแบบ เรามองว่านี่ไม่ใช่โครงการเพื่อเยียวยาคนเดือดร้อน แต่เป็นโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเห็นชัดเจจว่าเป็นคนละคำกัน” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ในส่วนของงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ หลัก ๆ จะมาจากงบประมาณปี 2567 วงเงิน 1.65 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบรายจ่ายเพิ่มเติม ปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท และที่เหลืออีก 4.3 หมื่นล้านบาท จะมาจากการบริหารจัดการตามวิธีการงบประมาณ และอีกส่วนคืองบประมาณปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบรายจ่ายปี 2568 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท และอีกส่วนมาจากการบริหารจัดการงบประมาณ 1.32 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ขอยืนยันว่ารัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้อย่างแน่นอน โดยได้มีการวางเป็นออฟชั่นไว้หมดแล้ว มีกระบวนการงบประมาณที่มีหลายช่องทางที่สามารถบริหารจัดการได้
ซึ่ง ตามแผนงานคืองบประมาณงบปี 67 ที่ 1.22 แสนล้านบาท และงบปี 68 ที่ 1.52 แสนล้านบาท เราวางไว้เป็นปลายปี คือเป็นเงินที่มีแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนงบประมาณในก้อนที่ต้องมีการนบริหารทั้งของปี 67 และ 68 จะเป็นปลายเปิด โดยจะต้องรอดูการลงทะเบียนและการยืนยันรับสิทธิ์ของประชาชนว่าเป็นเท่าไหร่ เช่น หากลงทะเบียน 42 ล้านคน น้อยกว่าเป้าหมาย การบริหารจัดการงบประมาณก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง หรือหากยอดลงทะเบียนเป็น 48 ล้านคน การบริหารจัดการก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
"ตรงนี้ทำให้เราวางบส่วนดังกล่าวเป็นปลายเปิด เพราะว่ายอดลงทะเบียนตรงเรายังไม่รู้ แต่เป้าหมายโครงการยังเป็น 50.6 ล้านคนเช่นเดิม และเมื่อมีข้อทักท้วงจาก ป.ป.ช. ว่าควรจะตั้งงบประมาณให้เพียงพอ ไม่เว่อเกินไป เพราะจะทำให้เสียโอกาสประเทศ เราก็รับฟังและสั่งให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปดูว่าโครงการรัฐที่ผ่าน ๆ มาลงทะเบียนเท่าไหร่ ตัวเลขที่ออกมาคือ 85-90% มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะเข้าร่วม 100% เต็ม” นายเผ่าภูมิ กล่าว
สำหรับการลงทะเบียนจะดำเนินการพร้อมกันทั้งหมด ไม่มีเปิดลงทะเบียนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก่อนอย่างแน่นอน ส่วนระบบการลงทะเบียนเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจว่าระบบมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับการลงทะเบียนของประชาชนได้อย่างแน่นอน ส่วนรายละเอียดอยากให้รอนายกรัฐมนตรีประกาศความชัดเจนอีกทีในวันที่ 24 ก.ค. 2567 ซึ่งจะมีรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.