"สมโภชน์ อาหุนัย" เร่งเคลียร์ปมธุรกิจ"NEX"ฟื้นเชื่อมั่น

     หลังจากสร้างความแตกตื่นให้กับนักลงทุนอย่างหนัก ราคาหุ้น EA และ NEX ถูก Short Sell และ Forced Sell ถล่มราคาลงมาจนกระอักเลือด พร้อมกระแสข่าวถาโถมมากมาย ทั้ง คอร์เนอร์แตก , ผู้บริหารแตกคอ , ทิ้งธุรกิจ หรือแม้กระทั่งเปรียบเทียบว่าเป็นดั่งหุ้น STARK !!!

     วันนี้ "สมโภชน์ อาหุนัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กล่าวเปิดใจกับ"โพสต์ทูเดย์" ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างที่ผ่านมาสร้างผลกระทบทุกเรื่อง ทั้ง หุ้นกู้ , ตั๋ว B/E ฯลฯ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น ดังนั้นผมจึงต้องเข้าไปพูดคุยชี้แจงรายละเอียดในทุกภาคส่วนว่าต้นเหตุมาจากอะไร สิ่งแรกก็คือ "ราคาหุ้น EA" ปรับตัวลดลง แต่ที่โดนหนักที่สุดคือ "บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX)" ซึ่งเปรียบเหมือนส่วนสำคัญของ EA 

     ดังนั้นผมจึงต้องเร่งแก้ไขในส่วนของ NEX ใน 3 เรื่อง คือ 1.ทุน 2.โพรดักส์ 3.ความเชื่อมั่นและบุคคลากร ถ้าผมจะแก้เพื่อให้ NEX กลับมาได้ก็ต้องแก้ 3 เรื่องดังกล่าว

     นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมผมต้อง "ออกวอแรนต์และเพิ่มฐานทุน" ซึ่งคนส่วนใหญ่พอเห็นว่าเพิ่มทุนจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาทอาจจะมองว่าบ้าไปแล้ว แต่จริงๆตัวเลข 10,000 ล้านบาทนั้น NEX ทำธุรกิจในตัวเลขนี้มานานแล้ว แต่ทำโดยเป็นทุนของ NEX ที่ 2,000 ล้านบาท และอีก 7,000-8,000 ล้านบาททาง EA ให้ยืม เป็นการทำธุรกิจที่มันไม่ Equilibrium ลงทุนมานานมาก เนื่องด้วยสมัยก่อนที่เริ่มตั้งบริษัท ผมเป็นพาร์ทเนอร์กับคุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ถือหุ้น 50 : 50 ถ้าตอนนั้นผมบอกว่าเรามาทำธุรกิจฐานทุน 10,000 ล้านบาทดีลก็อาจไม่เกิด ก็อาจจะไม่สนใจร่วมธุรกิจ นั่นจึงเป็นการจบดีลที่ทุน 2,000 ล้านบาท แต่ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ 

     แต่วันนี้ภาพเปลี่ยน การที่ราคาหุ้นร่วงแรง เริ่มเกิดความไม่เชื่อมั่นในบริษัท คนเริ่มพูดว่าทุนเท่านี้ มีหนี้เท่านี้ ฯลฯ เป็นภาพที่คนเริ่มพูดไปเรื่อยทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทหดหาย ดังนั้นการที่จะแก้ปัญหาบริษัทจึงต้องแก้แบบเบ็จเสร็จ ต้องตอบทุกเรื่องให้ได้ 

     และสุดท้ายถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นอย่างผมจะแก้อย่างไรให้คนที่โดนเกมการเงิน(Financial Game)ที่โดนเล่นลงมาเรื่อยๆ สมมุติว่าบริษัทกลับมาได้จริง แต่คนเจ็บกับ NEX เต็มตลาด กว่าคนที่โดนจะเลิกด่าผมคงอีกนาน และอาจจะไม่รอให้ธุรกิจกลับมาด้วยซ้ำ เพราะเจ๊งไปแล้ว ตายจากตลาดไปแล้ว

     ซึ่งผมนั่งคิดเรื่องนี้หนักมาก ด้วยสถานการณ์ที่โดน Financial Game เล่นขนาดนี้จนคุณคณิสสร์แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ถ้าหาก Key manไม่มี แล้วถ้า NEX ไม่รอด สักพักหนึ่งก็ต้องลามมาที่ EA

     นอกจากนี้ นักลงทุนที่ขาดทุนหนักกลายเป็นขาดทุนถาวรถ้าธุรกิจไม่กลับมา ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ภาพธุรกิจกลับคืนมา ผมคิดนานมากจนเป็นที่มาของการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด(Private Placement : PP) และออกวอร์แรนท์(Warrant) เพื่อเพิ่มออฟชั่นให้บุคคลากร แต่ต้องยอมรับว่าการกลับมาของหุ้นไม่มีทางเหมือนเดิม เพราะคนเคยขาดทุนหนักไปแล้ว

     "ทำไมช่วงแรกที่เกิดเรื่องแล้วผมไม่ได้ออกมาพูดอะไร เพราะผมต้องเร่งแก้ 3 เรื่องนี้ก่อน ถ้าออกมาตอนนั้นแล้วบอกว่าไม่มีอะไร นั่นคือการโกหก ผมจึงต้องแก้ฐานทุนที่ผิดเพี้ยนต้องกลับมาอยู่ในความเป็นจริง

     ทำธุรกิจนี้ถ้าไม่มีฐานทุน 10,000 ล้านบาทสุดท้ายมันโกงไม่ได้ คุณทำธุรกิจรถเชิงพาณิชย์ มี 1.2 ล้านคัน สมมุติคันละ 2 ล้านบาท รวมมูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท รถใหม่เชิงพาณิชย์ เพิ่มปีละ 80,000 คัน หากคันละ 3 ล้านบาท รวมมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท การทำธุรกิจที่มีฐานทุน 2,000 ล้านบาทมันจึงไม่ Make Sense และหากตลาดบูมจะมีคู่แข่งมาแซงทันที ดังนั้นฐานทุน 10,000 ล้านบาท ถือว่าไม่ได้ใหญ่ มันก็หมุน Turnover ผมถือว่ามัน MinimumW 

     ถามต่อ..ถ้าวันนี้เพิ่มทุน 10,000 ล้านบาท จะมีคนเพิ่มทุนด้วยหรือไม่ ผมก็ตอบแบบไม่หลอกตัวเองว่า "เป็นผม..ผมก็ไม่เพิ่มทุน" เพราะราคาร่วงแรง นั่นจึงเป็นที่มาของการเพิ่มทุน 2 ครั้ง

     โดยครั้งแรกผมเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาทเพื่อให้บริษัทมีน้ำหล่อเลี้ยง แล้วรอให้ Performance เริ่มออกมาว่า "ที่พูดไว้ทำได้จริง บริษัทเลิกหยุดไหล ทีมงานกลับมาทำงาน ลูกค้าเริ่มมาซื้อของ มีข่าวดีออกมา ซึ่งนักลงทุนก็จะเริ่มรู้สึกว่าแบบนี้เราควรจะลงทุนต่อ หรือ พอมีข่าวดี ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น คนที่ไม่อยากเพิ่มทุนอาจจะขายให้อีกคน ก็จะมีคนเพิ่มทุนให้เรา" การเพิ่มทุน 2 ครั้งแบบนี้เพื่อบาลานซ์ทุกคน และผมโปร่งใสพอถึงออกมาเปิดเผยข้อมูลเพื่อรับผิดชอบเรื่องข้อมูลที่เท่ากัน

     และผมคิดต่อไปอีกว่า "คนที่ขาดทุนหนักในช่วงที่ผ่านมามีโอกาสได้คืนหรือไม่" สมมุติฐานทุนเปลี่ยนจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ต้องมีกำไรปีละเท่าไหร่ หารด้วยจำนวนหุ้นใหม่ที่ Fully Diluted ออกมาเป็น EPS คูณด้วย P/E ratio จะได้ว่าราคาหุ้นที่ออกมาควรอยู่ที่เท่าไหร่ เป็นต้น 

     NEX ไตรมาส 2/67 ไหวหรือไม่ ?

     ถ้าดู NEX เป็นรายไตรมาสคุณไม่ใช่นักลงทุน ต้องดูเทรนด์ด้วย แน่นอนว่าไตรมาส 2/67 ย่อมได้รับผลกระทบ ด้วยราคาหุ้นที่ร่วงหนักขนาดนี้ ซัพพลายเออร์รู้สึกแบบนี้ คนที่จะซื้อรถผมก็คงจะมีดีเลย์ กระทบแน่นอนแต่การกระทบตรงนี้มี 2 ทางเลือก คือ 1. กระทบแล้วดีเลย์แต่สุดท้ายกลับมาซื้อ หรือ 2.กระทบแล้วไปเลย ผมกำลังทำให้มันดีเลย์ แต่ผมเชื่อว่ายอดทั้งปีที่คุณ คณิสสร์พูดไว้ ผมคิดว่าเขาน่าจะทำได้ 

     "ผมเชื่อว่ามันมีดีเลย์แต่ไม่เชื่อว่ามันจะหายไป แต่การที่จะไม่หายไป ผมต้องทำให้พนักงานมีกำลังใจทำงาน นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทำ วันนี้ถ้าถามว่ารถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ใครขายได้เยอะที่สุดก็คือ NEX ใครมีอีโคซิสเต็มที่ไม่ได้ขายรถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่มีแบตเตอร์รี่ มีเรื่องอีวีชาร์จเจอร์มี EA คนเดียว ไม่ใช่ว่าในช่วงที่ผมเป๋แล้วมีคู่แข่งเบอร์2 เบอร์3 มาเสียบ

     ดังนั้นโอกาสที่เราฟื้นมันมี แต่ถ้าเกิดไปอยู่ในตลาดที่แข่งขันสมบูรณ์ มีเบอร์ 2 เบอร์ 3 ที่แข็งแกร่ง พอเห็นเราอ่อนแอเขาเสียบเลย แบบนี้อาจจะเหนื่อย แต่ผมคิดว่าวันนี้ยังพอมีโอกาส แต่ถามว่าเจ็บหรือไม่ คำตอบคือเจ็บ แต่ถามว่าสิ่งที่เจ็บอันนี้มันเกิดจากพวกผมทำให้มันเจ็บ หรือพวกผมโดนกระทำ ผมโดนกระทำอยู่ แต่จะให้ผมจมอยู่กับเรื่องนั้นคงไม่ได้ ผมต้องรีบเคลียร์บ้านของผมเอง ใช้ระยะเวลาจัดการ 1 เดือน ตอนนี้เคลียร์ทุกอย่างหมดแล้ว ธุรกิจเริ่มกลับมา ลูกค้าเริ่มกลับมา แต่การที่ราคาจะกลับมาได้ Operationต้องมาก่อน"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.