KEX ร่วง 4.97% หลังประกาศเพิ่มทุนกว่า 2,812 ล้านหุ้น ขาย RO ที่ 3.20 บาท/หุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX วันนี้ (14 มิ.ย.) ปิดช่วงเช้า เวลา 12.30 น. อยู่ที่ 3.06 บาท ลดลง 0.16 บาท หรือลดลง 4.97% ระหว่างวันขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 3.24 บาท และปรับตัวลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 3.04 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 12.03 ล้านบาท
หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2567 ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,409,250,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 890,000,000 บาทเป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 2,299,250,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,818,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โดย 1.การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 2,812,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราว ในอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 0.6196 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 3.20 บาท กรณีที่มีเศษของหุ้นที่เกิดจากการค านวณให้ปัดเศษของหุ้นนั้นทิ้ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) (Record Date) ในวันที่ 2 ส.ค.2567 และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในช่วงระหว่างวันที่ 21-27 ส.ค.2567 (รวม 5 วันทำการ) อย่างไรก็ดี สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567
และ 2.การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 6,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ภายใต้โครงการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการ ผู้บริหารและ/หรือ พนักงานของบริษัท (ESOP Warrants)
บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขยาหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จำนวนรวมประมาณ 9,000 ล้านบาท ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว จำนวนเงิน 3,240 ล้านบาท ในช่วงปี 2567-2568 (โดย ณ วันที่ 31 มี.ค.2567 บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวคงเหลือ 3,237.91 ล้านบาท
และจำนวนเงินอีก 5,760 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การซื้อยานพาหนะขนส่ง การบำรุงรักษาอุปกรณ์เพื่อการดำเนินงาน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัท เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนที่จำเป็นสำหรับการรักษาความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 จากเดิม วันที่ 27 ส.ค.2567เป็น วันที่ 25 ก.ค.2567 เนื่องจากการเพิ่มวาระเกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท และตราประทับของบริษัท ตลอดจนการแก้ไขข้อบังคับของบริษัท และหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของ ESOP Warrants เป็นวาระการประชุมเพิ่มเติมในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 และเพื่อให้บริษัทสามารถนำเงินทุนไปใช้ได้โดยไม่ชักช้า
นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KEX เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2567 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนของบริษัท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,812,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ที่ราคาขาย 3.20 บาทต่อหุ้นนั้น SF Express ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ประมาณ 62.7% ของบริษัท ได้แจ้งว่ามีความพร้อมในการสนับสนุนการเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท และอาจแสดงความประสงค์จองซื้อในส่วนเกินสิทธิตามความเหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดภาระในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท
“แผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และความมั่นคงของเราอย่างยั่งยืน ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจ ใและที่สำคัญที่สุดคือการยกระดับอุตสาหกรรมของเราไปสู่อีกขั้น ให้เติบโตไปอย่างแน่นอน” นายอเล็กซ์ อึ้ง กล่าว
ด้าน บล.ธนชาต ระบุว่า KEX ขาดทุนตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ฐานทุนของ KEX ลดลงจาก 9.3 พันล้านบาท เป็น 1.4 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 ขณะที่เงินสดในมืออยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท โดยมี EBITDA ติดลบ 552 ล้านบาท ในไตรมาส 1/67 หากไม่มีการเพิ่มทุนดังกล่าว ฐานทุนของ KEX จะกลายเป็นลบในครึ่งหลังปี 2567 การเพิ่มทุนนี้จำเป็นสำหรับ KEX เพื่อปรับปรุงสถานะทางการเงิน และช่วยให้สามารถทนต่อการขาดทุนได้นานขึ้น เนื่องจากปริมาณขนส่งยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน
ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุนจำนวนมากที่ 3.9 พันล้านบาท, 2.8 พันล้านบาท และ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2567-2569 โดยคงมุมมองลบต่อธุรกิจจัดส่งด่วนแบบ Last-mile Express ของประเทศไทย ที่มีการแข่งขันที่ดุเดือด คู่แข่งอย่าง Flash Express และ Shopee Express ยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นกระเป๋าหนักเพื่อต่อสู้กับศึกครั้งนี้ รวมถึงไปรษณีย์ไทย
ราคาเป้าหมายก่อนวันที่ผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่ SOTP ของฝ่ายวิเคราะห์อยู่ที่ 2.50 บาท เมื่อจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ราคาเป้าหมาย SOTP (หลัง XR) ของจะเท่ากับ 1 บาทหุ้น ยังคงคำแนะนำ “ขาย”
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.