YLG ชี้เป้าราคาทองคำปีนี้พุ่ง 2,500-2,700 ดอลลาร์
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงทำจุดสูงสุดใหม่ล่าสุดที่ระดับ 2,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ในวันที่ 20 พ.ค.2567 ณ เวลา 12.50 น. โดยการปรับขึ้นมาครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เนื่องจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่แสดงความชัดเจนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ พบว่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้ปรับสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และผลักดันความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีเบื้องหลังมาจากช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เช่น ตลาดแรงงาน ยอดค้าปลีก และตัวเลขที่อยู่อาศัยบางส่วน รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่รายงานว่าดัชนี CPI และ Core CPI ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดการณ์ สู่ระดับ 0.3%
นอกจากนี้ จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และด้านภูมิรัฐศาสตร์ ก็ยังส่งผลให้ธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกยังคงมีนโยบายเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกองทุนทองคำขนาดใหญ่ก็ยังคงเข้าซื้อทองคำ โดยล่าสุด บริษัท ไซออน แอสเซท แมเนจเมนท์ (Scion Asset Management) ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ระดับโลก ได้เข้าซื้อ ETF ทองคำในปริมาณมหาศาลถึง 7.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนในพอร์ตเป็น 7.4% สูงสุดเป็นอันดับ 5 ในบรรดาสินทรัพย์ทั้งหมด จากก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยลงทุนในทองคำมาก่อน
ทั้งนี้ ในระยะสั้นทองคำมีแรงซื้อในสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม ขานรับสถานการณ์อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ซึ่งมีประธานาธิบดีอิหร่านและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (20 พ.ค. 2567) สื่อของรัฐอิหร่าน ได้รายงานยืนยันการเสียชีวิตของทั้งสองท่าน ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นอุบัติเหตุจากสภาพอากาศ หรือการก่อการร้าย
อย่างไรก็ดี สำหรับการปรับตัวขึ้นมาของทองคำในครั้งนี้ วายแอลจี ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ที่ 2,500-2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานที่หนุนทองคำในปีนี้ยังคงมีสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นปัจจัยสนับสนุนทองคำที่แข็งแกร่ง และโดยเฉพาะความต้องการทองคำในระยะยาวที่มั่นคงของธนาคารกลางทั่วโลกเฉลี่ยกว่า 1,000 ตันต่อปี เป็นแรงหนุนสำคัญ
ขณะเดียวกัน ยังมีประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่หากภายในปีนี้สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้จริง ก็จะส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
“การที่กองทุนต่างๆ เข้าซื้อทองคำ ส่วนหนึ่งก็เป็นการพิสูจน์ว่าทองคำยังมีโอกาสให้ไปต่อ ซึ่งการถือครองทองคำนอกจากจะตอบโจทย์ทั้งด้านการลงทุนระยะสั้น และในช่วงเกิดวิกฤตก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย ทำให้นักลงทุนเริ่มเข้ามาถือครองทองคำในพอร์ต และส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการป้องกันความผันผวนของพอร์ต โดยเฉพาะในภาวะที่เงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับสูง” นางพวรรณ์ กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวของทองคำในระยะสั้น วายแอลจีมองว่าหลังจากที่ราคาขึ้นทำ All Time High ครั้งใหม่ที่ระดับ 2,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แรงขายยังคงเข้ามากดดันอย่างจำกัด จึงมีโอกาสที่จะยังทรงตัวอยู่ได้ในระดับสูง โดยให้แนวรับที่ 2,418-2,397 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และแนวต้านที่ 2,478 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.50% ในประเทศ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณ 40,800-42,200 บาทต่อบาททองคำ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.