PCC เซ็นสัญญา กฟภ. ซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส 433 เครื่อง มูลค่า 111.98 ล้าน
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เปิดเผยว่า บริษัท แปซิฟิค พรอสเพอริตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (PPD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัท ที่บริษัท พรีไซซ ดิจิตอล อีโคโนมี่ (PDE) จำกัด ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% (โดย PDE เป็นบริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 99.99%) จะมีพิธีลงนามในสัญญาซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า 3 เฟส ระบบ 22 กิโลโวลท์ และ 33 กิโลโวลท์ จำนวน 433 เครื่อง ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในวันที่ 28 พ.ค.2567 มูลค่าสัญญารวม 111,982,027.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้ มีกำหนดการส่งมอบผลิตภัณฑ์ภายใน 165 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญาซื้อขาย
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 89.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.50% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82.80 ล้านบาท เนื่องมาจากการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,202.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.25% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,052.60 ล้านบาท
โดยรายได้จากการขายงวดไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 647.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.10% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 599.04 ล้านบาท เนื่องจากการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาหลักของงานสถานีไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากรายได้ขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ,รายได้ขายกลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ ได้แก่ โหลดเบรคสวิตซ์ และรายได้ขายกลุ่มอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ได้แก่ อุปกรณ์ใน กลุ่ม มิเตอร์
และรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้เอยู่ที่ 547.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.84% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 449.44 ล้านบาท ปัจจัยหลัก คือ การเพิ่มขึ้นของรายได้สำหรับงานบริการก่อสร้าง ได้แก่ งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง จากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230 kV แม่เมาะและ ลำพูน, งานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ จากงานโครงการติดตั้งขยายของงาน FDI (Feeder Device Interface) 4 ภาค ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องของงานโครงการ SCADA ที่จบโครงการ ไปแล้ว และงานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง จากการงานติดตั้งอุปกรณ์ โหลดเบรคสวิตซ์
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างรายได้สำหรับงวด 3 เดือนแรกปี 2567 จากรายได้จากการขาย ในสัดส่วน 53.8% และรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้าง ในสัดส่วน 45.5% ของรายได้รวม ตามลำดับ
นายกิตติ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2567 เติบโต 10% จากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 4,630.66 ล้านบาท เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตจากอุตสาหกรรมไฟฟ้าระบบ Smart Grid หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน ทำให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันจำนวนรถไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้น จากนโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.