ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด สหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าจีน ผลกระทบระยะสั้น ไม่มาก
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 สหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีใหม่ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน โดยเป็นการทยอยเพิ่มการจัดเก็บในระยะ 3 ปีข้างหน้า โดยในปี 2567 มีรายการสำคัญๆ ที่สหรัฐฯ มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากจีน ได้แก่ เหล็กและอะลูมิเนียม ยานยนต์ไฟฟ้า Lithium-ion EV batteries Solar Cells แร่ธาตุสำคัญ สินค้าเวชภัณฑ์อย่างชุด PPE หน้ากาอนามัย เข็มฉีดยาและไซริงค์
มุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
• การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จากจีนรอบนี้ สะท้อนท่าทีสหรัฐฯ ที่ต่อต้านอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ใหม่ของจีนทั้งพลังงานสะอาดและเทคโนโลยี (Geopolitics) รวมถึงมุ่งหวังผลคะแนนนิยมทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ โดยเฉพาะในรัฐที่เป็น Swing States อย่างจอร์เจีย แอริโซนา เนวาดา และมิชิแกน ซึ่งเป็นรัฐที่กำลังมีการลงทุนห่วงโซ่อุปทาน BEV ภายใต้เงินสนับสนุนจากกฎหมายการลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ของสหรัฐฯ
• ผลกระทบต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในปี 2567 นี้ยังจำกัด เนื่องจากรายการสินค้านำเข้าจากจีนที่อยู่ในแผนการจัดเก็บภาษีเพิ่มปี 2567 นี้ (รูปที่ 1) มีมูลค่านำเข้าโดยรวมจากจีนยังไม่มาก คิดเป็นสัดส่วนราว 5.4% ของการนำเข้ารวมทุกสินค้าจากจีน อย่างไรก็ตาม การขึ้นภาษีจะครอบคลุมรายการสินค้าอื่นมากขึ้นในปี 2568-2569 ได้แก่ Semiconductors, Lithium-ion non-EV Batteries, Natural Graphite and Permanent Magnets, Rubber Medical and Surgical Gloves ทำให้ผลกระทบต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจมีมากขึ้นในช่วงถัดไป โดยเฉพาะหากมีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนขึ้นเป็น 60% (ตามที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ระบุ)
• การขึ้นภาษีในรายการที่สหรัฐฯ มีการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนสูง อย่าง Lithium-ion batteries ที่มีสัดส่วนนำเข้าจากจีนมากถึง 70% มองว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนน่าจะสามารถบริหารจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้มีการสนับสนุนการลงทุนสร้างห่วงโซ่การผลิต Lithium-ion batteries ขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะสำหรับ BEV รวมถึงมีทางเลือกในการนำเข้าจากพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทดแทนได้ อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้แหล่งอุปทาน Lithium-ion batteries ใหม่เพื่อทดแทนจีนอาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะบางค่ายรถสหรัฐฯ ที่ยังคงพึ่งพาแหล่งอุปทานจากจีนเป็นหลัก ในอีกด้านหนึ่ง สำหรับผู้ประกอบการจีน อาจจะเกิดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่สามเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ แต่ก็น่าจะต้องเผชิญการตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยการขึ้นภาษีผ่านมาตรการ Anti-circumvention ในท้ายที่สุด คล้ายกับกรณีของ Solar Cells ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า
• สำหรับในบางรายการสินค้าสำคัญอย่างรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ยังเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ โดยเฉพาะก่อนผลการตัดสินมาตรการเก็บภาษี BEV จีนของ EU ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ แม้ปัจจุบันค่ายรถจีนส่วนใหญ่ยังแทบไม่มีการทำตลาดในสหรัฐฯ โดยในปี 2566 สหรัฐฯ มีสัดส่วนนำเข้า BEV จีนที่น้อยเพียง 2.0% เท่านั้น
การปรับขึ้นภาษีนำเข้า BEV จากจีนของสหรัฐฯ น่าจะเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิต BEV จีนเข้าไปลงทุนในเม็กซิโกเพื่อนำเข้าชิ้นส่วนจากจีนมาประกอบและส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยอาศัยอัตราภาษี MFN ของเม็กซิโกที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 2.5% มากกว่าจะใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ข้อตกลง USMCA ที่มีเงื่อนไขเข้มงวดเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดสินค้า ซึ่งกำหนดให้สัดส่วนมูลค่าชิ้นส่วนที่ต้องผลิตในกลุ่มประเทศ USMCA รวมกันสูงถึง 75%
• ทั้งนี้ ประเด็นต่างๆ ดังกล่าวน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนรอบใหม่ ซึ่งยังต้องติดตามทีท่าของทางการจีนต่อการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายของสหรัฐฯ ที่อาจจะออกมาตรการตอบโต้ต่อการปรับตัวของผู้ประกอบการจีนด้วยการส่งออกจากประเทศที่สาม
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.