"บลจ.อเบอร์ดีน"ชี้หุ้นไทยความเสี่ยงขาลงจำกัด คาดกำไร 1Q67 พลิกกลับมาโต 10%
นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อเบอร์ดีน มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นไทยใน 6-12 เดือนข้างหน้า และมองความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับฐานลงต่อมีค่อนข้างจำกัด จึงเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้น รับเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ และน่าจะส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาเข้ามาลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ได้ แต่การลงทุนยังคงต้องระมัดระวังและเน้นเลือกหุ้นรายตัวที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นกว่าตลาดโดยรวม
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งมองว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1 และคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ หลังจากงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลประจำปี 2567 ผ่านการอนุมัติในช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเร่งเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนพ.ค. ทั้งนี้ เรายังคงต้องติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วยว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนในไตรมาส 4 ปีนี้หรือไม่
2.การเติบโตของอัตรากำไรบจ.ในตลาดหุ้นไทย (SET Earning Per Share: SET EPS) คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% ในปี 2567 (ที่มา abrdn เมษายน 2567) ซึ่งฟื้นตัวจาก -11% ในปีที่ผ่านมา (ที่มา Bloomberg เมษายน 2567) โดยมองว่ายังมีหลายกลุ่มธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ชัดเจน (earnings visibility) และเติบโตดีกว่าภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ เช่น กลุ่มท่องเที่ยว,พาณิชย์,การแพทย์,นิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
3.Valuation ยังไม่แพง ซึ่งที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวลดลงแตะระดับ 1,330 จุด ทำจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่วิกฤติโควิด จากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นแรงเกิดคาด รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้เงินลงทุนไหลกลับไปสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับฐานลงมาอยู่ในระดับน่าสนใจ ด้วย forward P/E ที่ 14 เท่า คิดเป็นอัตราส่วนลด (discount) 18% จากค่าเฉลี่ย P/E ในอดีต 10 ปี ซึ่ง อยู่ที่ 17 เท่า (ที่มา Bloomberg เมษายน 2567)
นอกจากนี้เมื่อเทียบส่วนต่างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกับผลตอบแทนจากพันธบัตร(earnings yield gap) ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 4.4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.6% สะท้อนจังหวะที่น่าสนใจลงทุน เมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ 2.72% อีกทั้ง SET Index ณ ระดับปัจจุบันสะท้อนการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปีนี้น้อยกว่า 2% ซึ่งสะท้อนความกังวลต่อความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของกำไร บจ.ไปมากแล้ว (ที่มา Bloomberg เมษายน 2567)
"อเบอร์ดีนยังเห็นโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากแนวโน้มของการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็น ซึ่งหากย้อนดูสถิติในอดีตนับตั้งแต่ปี 2544 จะพบว่า 4 ใน 5 ครั้งที่ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นแรงถึง 20-30% โดยมีเพียงครั้งเดียวที่ตลาดไม่ได้ขึ้นแรง คือก่อนที่จะเกิดวิกฤติโควิดในปี 2562 ดังนั้น แม้ว่าปัจจัยภายนอกประเทศจะกดดันความเชื่อมั่นในการลงทุนตลาดหุ้นไทยไปบ้าง แต่เรามองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มทยอยเข้าสะสมหุ้นในบริษัทที่มีคุณภาพและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว"
ทั้งนี้ อเบอร์ดีนยังเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก เน้นการคัดสรรหุ้นรายตัวและวิเคราะห์เชิงลึกในแต่ละบริษัท โดยเฉพาะหุ้นที่ valuation ยังไม่แพงและมีศักยภาพแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่าตลาดในระยะยาวอย่างน้อย 1-3 ปี
สำหรับกองทุนหุ้นไทยที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) เน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากการเติบโตเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศไทย เช่น กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจสุขภาพ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์ที่บริษัททั่วโลกย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปสู่ประเทศอื่นๆ ขณะที่ผลการดำเนินงานของ ABSM ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาทำได้ดีกว่าดัชนีชี้วัด(SET TRI)โดยหุ้นที่ถือครองในพอร์ตอันดับต้นๆปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทที่แข็งแกร่งในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งกลุ่มการแพทย์ กลุ่มไอที และกลุ่มธุรกิจบริการเฉพาะกิจ(professional services) แม้จะมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จากผลตอบแทนโดดเด่นช่วงก่อนหน้า(ตั้งแต่ ธันวาคม 2566-กุมภาพันธ์ 2567 ที่มา Bloomberg)ประกอบกับการเผชิญกับความท้าทายในระยะสั้น จากการฟื้นตัวที่ช้าในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
"ที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลางและเล็กเคลื่อนไหวไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโดยรวม แต่ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทมากกว่า จึงมองจังหวะที่ตลาดปรับฐานเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีคุณภาพดีและราคาปรับตัวลงจนน่าสนใจขึ้น ขณะที่พอร์ตการลงทุนของ ABSM ก็มีโอกาสเติบโตสูงกว่าตลาด โดยคาดการณ์ EPS ของพอร์ตลงทุนจะเติบโตประมาณ 19.3% ในปีนี้(จากประมาณการณ์ของ Bloomberg เมษายน 2567)”
ทั้งนี้ ABSM มีความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการนำเสนอข้อคิดเห็นซึ่งอาจแตกต่างจากเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจริงได้และไม่ได้เป็นการแนะนำในการจัดพอร์ตการลงทุน น้ำหนักและธีมลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ข้อมูลจาก Bloomberg มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้นไม่ใช่การคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.