คำต่อคำ : "ดร.ภากร"เคลียร์วอลุ่มหด-โฟลว์ไหลออก-หุ้นกู้ผิดนัด-หุ้นไทยโต?
ทำไม? ขยายเวลาเทรด แต่วอลุ่มหด
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเปิดใจก่อนหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567ว่า ขอเรียนชี้แจงเรื่องการขยายเวลาเทรดเร็วขึ้น 30 นาที เริ่ม 13.30-16.30 น.นั้น เป็นสิ่งที่ต้องการให้การซื้อขายของตลาดหุ้นมีเวลาใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นๆนั่นคือหลักการ เราไม่ได้มองปริมาณการซื้อขายจะมากขึ้นแต่อย่างใด เพราะเปิดเทรดช่วงครึ่งชั่วโมงตอนเที่ยง ซึ่งโดยปกติโฟลว์ส่วนใหญ่ที่มาน่าจะเป็นโฟลว์จากต่างประเทศเพราะในประเทศตอนเที่ยงจะหยุดพักการซื้อขายอยู่แล้ว
เหตุผลที่ไม่ได้เพิ่มเวลาเทรดในช่วงเช้าและเย็น เนื่องด้วยตลาดหุ้นไทยเปิดเทรดหลังประเทศอื่นประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งนั่นคือข้อได้เปรียบตรงที่ทุกคนเริ่มเข้าไปซื้อขายในตลาดอื่นในช่วงเวลาของเรามีเพียงเราเท่านั้นที่เปิดตลาดเดียว ดังนั้นใครที่จะเข้ามาตลาดเราในตอนแรกไม่ต้องไปแข่งขันกับตลาดอื่นๆ ดังนั้นนั่นคือเหตุผลข้อแรกที่ว่าทำไมไม่ขยายเวลาเทรดในตอนเช้า
ส่วนตอนเย็น ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดสุดท้ายที่ปิด เราหลังคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขยายในตอนเย็น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราดูตอนกลางวัน เพราะก่อนหน้านี้เราปิด 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 12.30-14.30 น. ปัจจุบันเราลดลง 30 นาทีเพื่อให้มีชั่วโมงเทรดมากขึ้น นี่คือวัตถุประสงค์หลัก ซึ่งเราไม่ได้มองว่าวัตถุประสงค์คือการเพิ่มวอลุ่ม แต่เป็นการทำให้นักลงทุนสะดวกมากขึ้นในการเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย
"ถ้าเกิดเราต้องการให้มีวอลุ่มเทรดมากขึ้น ผมเชื่อว่าเรื่องอื่นๆนั่นจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการ Ease of Doing business มีเวลาที่ให้ต่อเข้ามามากกว่าเดิม"
ทำไม? ฟันด์โฟลว์ไหลออกต่อเนื่อง
กระแสเงินลงทุน(Fund Flow)จะกลับเข้ามาได้ ขึ้นอยู่กับ 1.สภาวะเศรษฐกิจ 2.อัตราดอกเบี้ย 3.ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ซึ่ง 3 เรื่องนี้น่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะดึงเม็ดเงินฟันด์โฟลว์ต่างชาติให้ไหลกลับเข้ามาได้
และอีกตัวที่น่าสนใจคือ เศรษฐกิจอื่นๆในโลกเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเราไม่ได้เป็นเศรษฐกิจที่ Isolate โดดเดี่ยวจากประเทศอื่นๆ เพราะงั้นการที่นักลงทุนจะเคลื่อนเงินทุนต่างๆขึ้นอยู่กับว่าเมื่อเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง จะเห็นได้ว่าปีนี้เราเริ่มเห็นฟันด์โฟลว์กลับเช้ามาในเดือน ก.พ. แต่ในเดือน มี.ค. กลับไหลออกไป
"ผมมองว่าหลังจากที่เราจะการใช้จ่ายจากภาครัฐมากขึ้น นโยบายต่างๆน่าจะช่วยทำให้ฟันด์โฟลว์กลับเข้ามาได้จากการที่มีการบริโภคในประเทศมากขึ้น จากการที่บอกว่าจะมีการลงทุนในประเทศมากขึ้น นี่คือสิ่งที่อยากจะฝากนักลงทุนติดตามข้อมูลต่างๆ ตอนนี้เราจะเห็นแล้วว่าภาครัฐจะใช้จ่ายได้และที่น่าสนใจมากคือ งบลงทุนที่จะนำมาใช้มากกว่าปกติในปีธรรมดาด้วย"
สถานการณ์เมียนมากระทบ บจ.ไทยหรือไม่ อย่างไร
เศรษฐกิจของไทยขึ้นอยู่กับทั้งในประเทศและต่างประเทศ การส่งออกของเรามีไปเอเชียเยอะที่สุด รองมาคืออาเซียน และ CLMV บางส่วน แน่นอนว่าการทำธุรกิจกับประเทศที่มีปัญหาเรื่องการเมือง ไทยน่าจะได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่อยากฝากคือผลกระทบของการค้าระหว่างไทยกับเมียนมาอาจไม่มากนักเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียบหรืออาเซียนอื่นๆ
แต่แน่นอนว่าการค้าขายอาจหายไปบางส่วน แต่ก็ต้องดูในระยะยาวมากกว่าว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร เพราะเศรษฐกิจเมียนมากับเศรษฐกิจไทยจะไม่มีการซื้อขายเป็นระยะเวลายาวนานไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะกลับมาปกติได้เมื่อไหร่ และความชัดเจนหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
กนง. ลด/ไม่ลด ดบ. กระทบหุ้นไทย อย่างไร?
ดร.ภากร คิดว่าตอนนี้ข้อมูลต่างๆ ความชัดเจนต่างๆคงจะมีมากขึ้นที่จะทำให้ทาง กนง.จะต้องพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบีเยค่อนข้างที่จะหนักขึ้น ผมคิดว่าต้องขอรอดูก่อน เพียงแต่ด้วยเหตุผลต่างๆ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ตอนนี้มีแนวโน้มการตัดสินใจเรื่องการลดดอกเบี้ยน่จะมีสูงขึ้น เพราะดูจากการตัดสินใจในแต่ละครั้ง เราเห็นจำนวนของคนที่เลือกตัดสินใจที่จะลดดอกเบี้ยเริ่มมีมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ได้สังเกตุเห็น
มาตรการฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน
ตลท.มีการปรับกฎเกณฑ์ต่างๆออกมาต่อเนื่อง กฎเกณฑ์ไหนที่สามารถทำได้เลยเราก็ทำก่อน กฎไหนต้องมีเฮียริ่งหรือต้องผ่านหน่วยงานกำกับดูแลเราก็พยายามผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเราพยายามทำให้ได้ผลออกมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทาง ตลท.จะเตรียมรายละเอียดข้อมูลว่าตอนนี้มีกฎเกณฑ์ไหนที่ทำไปแล้ว และกฎเกณฑ์อะไรที่อยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมคาดการณ์ว่าจะออกมาเมื่อไหร่
การสมัครผู้จัดการ ตลท. คนใหม่
การสรรหากรรมการผู้จัดการท่านใหม่อยู่ในช่วงการเปิดรับให้เข้ามาสมัคร สามารถสมัครได้ถึง 30 เม.ย.นี้ ส่วนจะเป็นใคร อย่างไรนั้น ผมไม่ทราบ
ส่วนการที่จะฝากถึงกรรมการผู้จัดการ ตลท.คนใหม่นั้น ตอนนี้ขอให้อยู่ในขั้นตอนเปิดรับสมัครไปก่อน เพราะไม่ใช่ผมแค่คนเดียวที่จะฝาก ยังมีท่านกรรมการอีกหลายท่านคงมีเรื่องที่จะต้องฝากท่านกรรมการผู้จัดการ ตลท.คนใหม่
กรณีที่ "ดร.นิเวศน์" เสนอแนวคิดที่อยากให้มีนักลงทุนเข้ามาร่วมเป็นบอร์ด ตลท. มีโอกาสและความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?
ตอนนี้โครงสร้างของบอร์ด ตลท.มาจากการที่แต่ละองค์กรในตลาดทุนส่งรายชื่อให้กับทาง ก.ล.ต. จากนั้นทาง ก.ล.ต.จะนำรายชื่อนำไปส่งคัดเลือกต่อ เพราะฉะนั้นการที่จะมีตัวแทนจากนักลงทุนเข้ามาอยู่ใน "กรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ" ย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน ขอให้เราช่วยกันส่งชื่อเข้าไปให้ทางหน่วยงานผู้รับผิดชอบเป้นผู้คัดเลือก
อย่างปัจจุบันหากมาดูจะเห็นว่า กรรมการที่มาจากฝั่ง ก.ล.ต. หลายท่านมาจากฝั่ง "นักลงทุนสถาบัน" หรือ "นักกฎหมาย" หรือมาจากหลายภาคส่วน บริษัทจดทะเบียนก็มี เพราะงั้นอยากจะเรียนว่าเป็นความปรารถนาของผู้เขียนพระราชบัญญัติอยู่แล้วว่าอยากจะให้ตัวแทนของกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับพวกเราหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนแอคทีฟขนาดไหนที่จะส่งรายชื่อเข้ามาให้มีการคัดเลือก
ความคืบหน้าผลักดันตลาดหุ้นไทยเป็นฮับตลาดทุน
ปีนี้เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลมองว่าอยากให้ประเทศไทยเป็น 3 จุดหลักๆสำคัญทั้งเรื่องดิจิตอลแอสเสท คาร์บอนเครดิตโพรดัก เรจินอลไฟแนนเชียลมาร์เก็ต ทั้ง 3 เรื่องเป็นที่ดีทั้งหมดและสำคัญมากๆ ซึ่งพวกเราสนับสนุนความคิดนี้ 100% เพียงแต่เราคนเดียวทำไม่ได้ ทั้งหน่วยงานที่อยู่ในตลาดทุนและนอกตลาดต้องช่วยกัน ตลท.พร้อมให้ความสนับสนุนเต็มที่
บจ.เลื่อนจ่ายหุ้นกู้ กระทบเชื่อมั่นนักลงทุนหรือไม่ อย่างไร?
เรื่องของ Business Cycle มีมาโดยตลอดในช่วงที่เศรษฐกิจดีจะเห็นว่าเรื่องพวกนี้จะไม่มีปัญหาเพราะส่วนใหญ่บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไม่ว่าจะเป็นเรตติ้ง AAA หรือ ไฮยิลด์จะมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยได้ แต่บางช่วงที่สภาพคล่องไม่ดี หรือผลประกอบการไม่ดีอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้
สิ่งที่อยากจะเรียนคือเราจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้นักลงทุนทราบถึงสถานะหุ้นกู้ของ บจ.ได้เร็วขึ้น นั่นคือเหตุผลของหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่เรากำลังทำ นั่นก็คือ การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง ThaiBMA กับ ตลท.ว่าจะทำอย่างไรที่จะมีข้อมูลออกมาบอกว่า Interest Payment ที่จะเกิดขึ้น เอิร์นนิ่งของ บจ.เท่าที่ดูในปัจจุบันจ่ายได้หรือไม่ มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง ถือเป็นข้อมูลอีกอันที่นักลงทุนควรจะได้เห็น ซึ่ง ตลท.กำลังทำอยู่
ถามว่า..โจทย์ดังกล่าวข้างต้นมี Issue ต่อความเชื่อมั่นหรือไม่ ? ส่วนตัวมองว่าในสถานการณ์ที่เป็นเศรษฐกิจขึ้นๆลงๆ เป็นเรื่องที่อาจจะต้องให้นักลงทุนตระหนักมากขึ้นว่า "การซื้อหุ้นกู้มีความเสี่ยง" ทั้งเรื่องความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย , ความสามารถในการจ่ายเงินต้นเป็นอย่างไร นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหุ้นกู้ถึงมีเครดิตเรตติ้งต่างๆ ที่เราจะต้องพิจารณา
"อย่างที่เราเคยพูดว่า No free Lunch ดอกเบี้ยสูงก็ต้องมาควบคู่กับความเสี่ยง ฝากนักลงทุนพิจารณาให้ดีว่าความสามารถในการรับความเสี่ยงของท่าน มุมมองของท่านกับบริษัทที่ซื้อหุ้นกู้เป็นอย่างไร คล้ายกับสิ่งที่เราใช้ในการพิจารณาลงทุนในหุ้น"
ฝากถึงทุกคน
"ปีนี้ยังเป็นปีที่เหนื่อยมากๆแม้ว่าเราจะนึกว่าปัจจัยต่างๆจะน้อยลงแต่ก็มีของใหม่ๆมาได้เสมอ จากเดิมที่เรานึกว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางหรือยุโรปค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่กลายเป็นว่าเกิดเหตุการณ์ข้างประเทศเราเลย มีอะไรที่เป็นเซอร์ไพรส์ได้เสมอ ฝากเรื่องข้อมูลและการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ถ้ามีอะไรที่ทาง ตลท.ช่วยได้ก็พร้อมยินดีทุกเรื่อง ทั้งวิเคราะห์ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์เราก็ยินดี เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถชี้นำได้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่คงบอกได้เพียงว่าตอนนี้ความเสี่ยงคืออะไร มีโพเทนเชียลอย่างไรและมีอะไรที่เป็นเทิร์นนิ่งพอยท์ต่างๆ
ในปีนี้อย่างหนึ่งที่ผมค่อนข้างเชื่อคือเราน่าจะเห็นเทิร์นนิ่้งพ้อยท์ เพราะเป็นปีที่ภาครัฐจะสามารถใช้เงินได้ค่อนข้างเยอะ และเริ่มมีธุรกิจที่เข้มแข็งกลับมาแข่งขันได้มากขึ้น ถ้าไม่มีอะไรที่ผิดความคาดหมายอีก ผมคิดว่าเราน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว นี่คือมุมองของผม"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.