นักวิชาการ เบรกรัฐอุ้มดีเซล-ชงขึ้นVAT หารายได้เพิ่ม

ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร ที่มาตรการจะสิ้นสุดวันที่ 19 เม.ย.นี้ เนื่องจากมองว่า การแทรกแซงราคาน้ำมันของรัฐบาลทำให้ภาระหนี้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งการอุ้มภาษีน้ำมันดีเซล 3 เดือนที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่ 20 ม.ค.-19 เม.ย.2567 ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้เดือนละ 2,000 ล้านบาท รวม 3 เดือนสูญเสียงบประมาณ 6,000 ล้านบาท ทำให้ช่วง 4 เดือนแรกปีงบประมาณ รัฐจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 8.8 พันล้านบาท 

 

ทั้งนี้ น้ำมันดีเซลส่วนใหญ่ถูกใช้ในกิจกรรมการขนส่งสินค้าและบริการ จึงเป็นต้นทุนที่ซ่อนอยู่ในราคาสินค้าและบริการที่ใช้กันในชีวิตประจำวันของประชาชนโดยมาก การมีกองทุนพลังงาน ก็เพื่อช่วยลดความผันผวนให้ราคาไม่เพิ่มหรือลดมากจนเกินไปจนกระทบทำให้ราคาสินค้าและบริการมีความผันผวนมากตามไปด้วย นั่นคือ เวลาที่ราคาเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว กองทุนฯก็เข้าไปแทรกแซงให้ราคามันปรับลดลงโดยการเอาเงินจากกองทุนเข้าไปช่วย และเวลาที่ราคามันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวก็เก็บเงินเข้ากองทุนฯ

 

อย่างไรก็ดี การเข้าไปแทรกแซงทำให้ราคาน้ำมันดีเซลถูกลงกว่าราคาตลาดโลกอย่างถาวรเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะว่าจะเป็นการแทรกแซงกลไกตลาด ทำให้ราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็น เป็นการส่งสัญญาณที่ผิดทำให้สังคมมีการใช้น้ำมันดีเซลมากเกินควร และซ้ำร้าย ภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการแทรกแซงไม่ได้หายไปไหน แต่ต้องเป็นภาระทางการคลังให้กับผู้เสียภาษีทุกคนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือซ่อนเอาไว้เป็นหนี้สาธารณะให้ลูกหลานในอนาคตต้องมาตามใช้หนี้

 

“รัฐควรเลิกการแทรกแซง ปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด และหาจังหวะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อล้างหนี้ด้วย เพราะการแทรกแซงของรัฐบาลนี้ทำให้หนี้กองทุนฯเพิ่มขึ้นสูงมาก และตอนนี้เงินเฟ้อไทยก็ต่ำไปนิด เข้าใจว่าทั้งปี แบงก์ชาติ ลดการคาดการณ์เงินเฟ้อจาก 2% เหลือแค่ 1% ซึ่งถือว่าอยู่กรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อแล้ว” ดร.นณริฏ กล่าว

ส่วนแนวทางการปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวนั้น อาจทำให้ราคาเกิดการผันผวนมากจนเกินไป การที่ไทยมีกลไกกองทุนพลังงานมาช่วยลดความผันผวน ก็น่าจะใช้กลไกให้ถูกต้อง คือ การคาดการณ์ราคาที่เหมาะสมในระยะยาว และใช้การแทรกแซงเมื่อราคาผันผวนมากกว่าราคาดังกล่าว

 

สำหรับ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สุทธิ ณ วันที่ 24 มีนาคม 2567 ติดลบ 98,220 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 51,136 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 47,084 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ดร.นณริฏ ยังเสนอให้รัฐบาลเพิ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) โดยควรจะกลับมาจัดเก็บที่ 10%  เพราะว่าการลดลงให้เหลือ 7% ในปัจจุบันนั้น ถูกปรับลดลงต้้งแต่สมัยวิกฤติต้มยำกุ้งแล้ว แต่การปรับขึ้นต้องดูสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่เหมาะสมด้วย โดยเสนอให้มีการค่อยทะยอยปรับขึ้นแบบญี่ปุ่น คือ เพิ่มเป็น 8-9% ก่อน แล้วดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หากผลกระทบไม่มาก ค่อยปรับขึั้นเป็น 10% และดู timing ตอนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแท้จริง เช่น ใน 1-2 ปีข้างหน้า
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.