หุ้นไทยสัปดาห์หน้าสตอรี่แน่น ลุ้นดันกรอบทะลุ 1400

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(15 มี.ค. 2567) อยู่ที่ 1,386.04 จุด ลดลง -8.89 จุด คิดเป็น -0.64% มูลค่าการซื้อขาย 49,752.04 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,393.26 จุด และลดลงต่ำสุด 1,386.04 จุด

5 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้

     1. PTTEP ปิดที่ 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,452.57 ลบ.

     2. ADVANC ปิดที่ 206 บาท ลดลง -3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,795.92 ลบ.

     3. AOT ปิดที่ 66.50 บาท ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,684.83 ลบ.

     4. CPALL ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,609.05 ลบ.

     5. PTT ปิดที่ 34.75 บาท ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,565.40 ลบ.

ต่างชาติขายใส่-รายย่อยช้อป

ลุ้น Window Dressing ส่งท้าย มี.ค.

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า SET วันนี้ปิดปรับตัวลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม ETRON (DELTA) และ ICT (ADVANC, TRUE) ประกอบกับนักลงทุนรอติดตามการประชุมของ BOJ และ FED ในสัปดาห์หน้า

     ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ ฝ่ายฯคาดหวังผลกระทบเชิงบวกจากประเด็น Window Dressing เพราะจากการศึกษาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในอดีตนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมาที่บ่งชี้โอกาสเกิด Window Dressing ในไตรมาส 1 อยู่สูงที่สุดถึง 73% ตามด้วยไตรมาส 4 ที่ 67%, ไตร มาส 2 ที่ 60% และไตรมาส 3 มีโอกาสเกิด Window Dressing ต่ําที่สุดเพียง 33% ขณะที่ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 4 อยู่ที่ +1.2%, +1.1%, -0.9% และ +0.3% ตามลําดับ

     นอกจากนี้ ด้วยระดับ SET Index ปัจจุบันไซด์เวย์อยู่ในโซนต่ำตลอดทั้งไตรมาสนี้ จึงคาดหวังการเกิดผลกระทบ Window Dressing ได้ไม่ยาก

     อย่างไรก็ดี ฝ่ายฯได้คัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสถูกทํา Window Dressing ในรอบนี้จากเกณฑ์ที่กําหนด ดังต่อไปนี้ (1) เป็นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ที่อยู่ใน SET100 Index เป็นหลัก (2) ราคาหุ้นปรับตัว ลงหนักในไตรมาสนี้ และ (3) มี Upside เปิดกว้างจากมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน 

     โดยหุ้นที่เข้าข่ายดังกล่าว คือ HANA, BTS, CBG, SCGP, VGI, CRC นอกจากนี้ในเชิงของสถิติในอดีต หุ้นที่มีโอกาสทํา Window Dressing คือ BCH, BTSGIF, CPN, MAJOR, PTTEP, TTW

สัปดาห์หน้ามีสตอรี่

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า วันนี้มีแรงขายท้ายตลาด จาก FTSE Rebalance มีหุ้นถูกปรับลดชั้นไปเป็นกลุ่ม Mid Cap ดังนี้ CPF HMPRO, IVL, SCGP ขณะที่ Mid Cap ไม่มีหุ้นที่ถูกปรับออก ส่วน Lage Cap และ Small Cap ไม่มีหุ้นเข้าใหม่ แต่ Small Cap มีหุ้นถูกปรับออกคือ KEX, RABBIT, RAM, SAMART, WORK ทำหุ้นไทยแกว่งกรอบ 1386-1396 จุด

     นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าติดตามการประชุมธนาคารกลางต่างๆ 19 มี.ค. ญี่ปุ่น คาดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยจากปัจจุบัน -0.1% เป็น 0% รวมทั้งผ่อนคลาย Yield Curve Control และ 20 มี.ค. สหรัฐฯ และอังกฤษ คาดคงดอกเบี้ย

     ด้านงบประมาณปี 67 วาระ 2-3 จะมีการพิจารณา 20-21 มี.ค.นี้ คาดงบประมาณฯจะใช้ได้ก่อนสงกรานต์ การเร่งเบิกจ่ายและการลงทุนของภาครัฐน่าจะช่วยหนุนการขยายตัวของ GDP ปี 67 โต 2.7 - 2.8% เน้นย่อสะสมหุ้นรับผลบวก STEC, CK, SCC, SEAFCO, TASCO

     ขณะที่ กนง. ประชุม 10 เม.ย. คาดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 2.5% เป็นบวกต่อกลุ่ม Finance MTC, SAWAD, TIDLOR

สัปดาห์หน้าลุ้นต่อ 1403

     ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สัปดาห์นี้ SET ฟื้นตัวต่อเนื่องเบรกแนวต้าน 1386 จุดขึ้นมา และเบรกเส้น Downtrend Line ได้สำเร็จ แม้จะมีการปรับตัวลงบ้าง แต่ก็ยังยืนเหนือแนวรับ 1386 จุดได้สะท้อนถึงทิศทางบวกแข็งแกร่ง

     สัปดาห์หน้า(วันที่ 18-22 มี.ค.67)หากยังมีแรงซื้อหนุนต่อเนื่อง ฝ่ายฯคาดว่า SET จะมีโอกาสขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1403 จุด ซึ่งแนวต้านนี้ป้องกันการขึ้นต่อของ SET มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่หากผ่านขึ้นไปได้กราฟจะกลายเป็นขาขึ้นต่อ โดยแนวรับ 1386 / 1377 จุด แนวต้าน 1393 / 1403 จุด 

     พร้อมแนะนำเก็งกำไร หุ้น BA ราคาหุ้นยก High ยก Low ซึ่งเป็นลักษณะของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน ระยะสั้นหากไม่หลุด แนวรับ 15.80 - 15.40 บาท ลงมาฝ่ายฯคาดว่าจะมีโอกาสขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านช่วง 17 บาท โดยแนวต้าน 16.30 / 16.60 / 17.10 บาท 

     และ หุ้น SAV ราคาหุ้นแกว่งตัวขึ้นเบรกแนวต้าน 17.40 - 17.90 บาทขึ้นมาได้สะท้อนถึงโมเมนตั้มทางบวก ระยะสั้น มองมีโอกาสขึ้นต่อ เนื่องไปทดสอบแนวต้าน All Time High บริเวณ 19.10 บาท