BKGI เคาะราคาไอพีโอ 1.63 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 12-14 มี.ค. เทรด SET 20 มี.ค.นี้
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.63 บาท
โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 12-14 มี.ค.2567 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในวันที่ 20 มี.ค.2567 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “BKGI” ในหมวดบริการ/การแพทย์
สำหรับ BKGI ถือเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากจะเป็นหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทย ที่มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย BKGI ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการถอดรหัสพันธุกรรม ที่เรียกว่า Next-Generation Sequencing จากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผู้นำด้านการวิจัยและการใช้เทคโนโลยีทางพันธุศาสตร์ระดับโลก มาใช้ในการให้บริการ ทำให้ผลการวิเคราะห์ต่างๆ ของบริษัทมีความแม่นยำสูง
ขณะเดียวกัน เชื่อว่าหลังการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด รองรับการเติบโตของธุรกิจการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์โลก ประกอบกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย หรือ Aging Society ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความใส่ใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น ต้องการที่จะหาวิธีป้องกันโรค ไม่ว่าเป็นการตรวจพันธุกรรม หรือตรวจคัดกรองโรคต่างๆ เพื่อวางแผนการใช้ชีวิต
“มั่นใจว่าธุรกิจของบริษัทจะเติบโตตามแนวโน้มการแพทย์สมัยใหม่ที่เป็น New S-Curve และจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนและประชาชนทั่วไปอย่างคึกคัก” นายสมภพ กล่าว
ทั้งนี้ BKGI ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน รวมทั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันจำหน่ายอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ประธานกรรมการบริหาร BKGI กล่าวว่า การเปิดให้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ BKGI จำนวน 160,000,000 หุ้น ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการเติบโตของบริษัทต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเข้าจดะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตอันนี้
ทั้งนี้ การแพทย์จีโนมิกส์มีความสำคัญมาก เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 1990 ประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย รวมถึงประเทศจีน โดยประธานของกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ BKGI ได้ใช้เงินร่วมสนับสนุนโครงการ The Human Genome Project นี้ด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปี 2003 หรือเป็นระยะเวลา 13 ปี ใช้เงินประมาณ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท
โดยโครงการดังกล่าวมีความสำคัญกับมนุษยชาติมาก เป็นการพยายามเข้าไปค้นพบศาสตร์ที่ลี้ลับของร่างกายมนุษย์ว่ามีอะไรบ้าง และจะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวมากขึ้น และรักษาโรคภัยที่เกิดขึ้นในมนุษย์ได้ให้ดีขึ้น และเจาะจงมากขึ้น
หลังจากมีการใช้เงิน 100,000 ล้านบาท ในโครงการดังกล่าว จากนั้นได้มีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2007 ซึ่งยังต้องใช้เงินถึงประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ต้นทุนจะลดลงก็ตาม และในปีหลังๆ ลดลงเหลือประมาณ 500-600 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมทั้งตั้งเป้าให้เหลือเพียง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้มนุษย์ทุกคนเข้าถึงการแพทย์จีโนมิกส์ได้
“การแพทย์จีโนมิกส์ ต้องการดูแลคุณภาพชีวิตให้กับผู้ไม่ป่วย ยังมีตลาดอีกมหาศาล ซึ่งผู้ไม่ป่วย ถ้าค้นพบส่งต่างๆ ได้ในเซลล์มนุษย์ ในพันธุกรรมของเรา ทุกคนก็อยากจะรู้ว่าสิ่งที่เสี่ยงคือเรื่องอะไร สิ่งที่ไม่เสี่ยงคือเรื่องอะไร ซึ่ง BKGI จะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ เหล่านี้” นายกรพจน์ กล่าว
นอกจากนี้ เทรนด์ของโลกที่สำคัญในปัจจุบัน คือเรื่องของไบโอเทคโนโลยี ซึ่ง BKGI ก็เป็นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทคด้วย ดังนั้นเชื่อว่า BKGI จะมีอนาคตที่สดใส
ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKGI กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ BKGI ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการที่บริษัทมีการให้บริการครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจหลัก คือ การให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยเจริญพันธุ์ โดยรายได้ในการให้บริการด้านอนามัยเจริญพันธ์ของบริษัท ในช่วงปี 2563-2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 23.40% ต่อปี
“การระดมทุนในครั้งนี้จะนำเงินที่ได้มาใช้ในการผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะแผนการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) และด้วยการสนับสนุนของกลุ่ม BGI จะยิ่งเพิ่มศักยภาพของบริษัทช่วยสนับสนุนผลงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้มากขึ้น สอดรับธุรกิจเมกะเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงในยุคปัจจุบัน” ดร.เสาวลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ BKGI ประกอบให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ โดยนำเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่ได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลก มาใช้ในการพัฒนาการตรวจวเคราะห์ของ BKGI เพื่อให้ประชากรไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในอนาคต
โดยลักษณะการประกอบธุรกิจ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจการให้บริการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และการตรวจภูมิคุ้มกัน 3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่ การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และการตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ และ 4) การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Products) เช่น ชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจน้ำยาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 และน้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 และชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบครบวงจร เป็นต้น รวมทั้งในอนาคต จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการถอดรหัสทางพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ตามคำแนะนำของแพทย์
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.