“สิริวัฒนภักดี” ซื้อบิ๊กล็อตหุ้น AMARIN กว่า 7.90% จ่อทำเทนเดอร์ฯ 5 บาท/หุ้น

นายศิริ บุญพิทักษ์เกศ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AMARIN เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2567 บริษัทได้รับแบบประกาศเจตนาในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการของบริษัท (แบบ 247-3) จาก บริษัท สิริวัฒนภักดี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ บริษัท อเดลฟอส จำกัด (อเดลฟอส) ถือหุ้น 99.9998% ถึงการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท จำนวน 78,919,921 หุ้น หรือคิดเป็น 7.9056% จาก นายระพี อุทกะพันธุ์ 42,248,130 หุ้น หรือคิดเป็น 4.2321% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท และนางเมตตา อุทกะพันธุ์ จำนวน 36,671,791 หุ้น หรือคิดเป็น 3.6735% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 

การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ในวันที่ 5 มี.ค.2567 ส่งผลให้การถือหุ้นของกลุ่มอเดลฟอส ซึ่งประกอบด้วย บริษัท วัฒนภักดี จำกัด บริษัท สิริภักดีธรรม จำกัด และบริษัท สิริวัฒนภักดี จำกัด เข้ามาถือหุ้นในบริษัทเพิ่มเป็น 82.114% จากก่อนทำรายการอยู่ที่ 74.2089% ขณะที่ นายระพี อุทกะพันธุ์ และ นางเมตตา อุทกะพันธุ์ จะไม่มีหุ้นเหลืออยู่ในบริษัท 

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นในกลุ่มอเดลฟอสดังกล่าว มีผลทำให้ บริษัท สิริวัฒนภักดี จำกัด มีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของกิจการ (Mandatory Tender Offer) ที่เหลืออยู่ 178,547,217 หุ้น หรือคิดเป็น 17.8855% คาดว่าจะเสนอซื้อที่ราคา 5 บาท/หุ้น รวมมูลค่าประมาณ 892.74 ล้านบาท 

ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.12/2554เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) เนื่องจากกลุ่มอเดลฟอสถือหุ้นในบริษัทรวมกันเกินกว่า 75% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท 

ดังนั้นบริษัทจะดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อของ บริษัท สิริวัฒนภักดี จำกัด รวมทั้งแจ้งผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมเมื่อบริษัทได้รับรายละเอียดคำเสนอซื้อจากกลุ่มอเดลฟอส แนวทางการบริหารงาน และโครงสร้างการบริหารงานหากมีการเปลี่ยนแปลง

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น AMARIN วันนี้ (6 มี.ค.) ปิดช่วงเช้า เวลา 12.30 น. เพิ่มขึ้น 13.70% หรือเพิ่มขึ้น 0.60 บาท มาอยู่ที่ 4.98 บาท ปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 5.40 บาท ปรับตัวลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 4.92 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 14.33 ล้านบาท