SET ลุ้นรีบาวด์จากจุดต่ำเดิม แนะ “Selective Buy” ชู SPRC และ BH

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ยังปรับลงต่อเนื่อง และสัญญาณทางเทคนิคที่ดูอ่อนแรง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดลงมาใกล้แนวรับสำคัญบริเวณจุดต่ำเดิม 1,353-1,360 จุด ขณะที่สัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ oversold ทำให้คาดดัชนีมีโอกาสรีบาวด์จากแนวรับดังกล่าว ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,370 และ 1,375 จุด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและการผลิตที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคาดตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของไทยจะมีแนวโน้มติดลบเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ตลาดคาดจะยังคงที่ระดับ 4.0% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึง แนะนำ ”Selective Buy“ ใน 4 ธีม ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรจากแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ อีกทั้ง ตลท. มีแผนออกมาตรการคุม Short Sales มากขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK KTB BBL ADVANC

2) หุ้นขนาดเล็กที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 2567 ยังเติบโตดี YoY และมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก AU ONEE SECURE KLINIQ HTC

3) หุ้นปันผลที่คาดให้ Div. Yield สูงกว่า 4% อีกทั้ง DPS และ Div. payout ratio แนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งมองหนึ่งในทางเลือกลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ BBL KTB AP ADVANC RJH DRT

4) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SPRC มองราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม และการเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่สหรัฐจะช่วย หนุนราคาน้ำมันเบนซิน คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2567 จะดีขึ้น QoQ จากการฟื้นตัวของ GRM และคาดธุรกิจการตลาดน้ำมันช่วยหนุน EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะถูกลดทอนโดยดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจากการกู้ยืมเพิ่มเพื่อเข้าซื้อธุรกิจเมื่อ ม.ค.2567

BH 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลง 6% มองสะท้อนกำไรไตรมาส 4/2566 ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดแล้ว ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรจะกลับมาเติบโตในระดับปกติที่ 5% สู่ 7.3 พันล้านบาท อิงกับ EBITDA margin ที่กลับสู่ระดับปกติจาก 37.0% ในปี 2566 สู่ 36.3% ในปี 2567 เนื่องจาก pent-up demand ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.