NL เปิดเทรดวันแรก 3.82 บาท เหนือจอง 46.92%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (20 ก.พ.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง โดยเปิดที่ราคา 3.82 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.22 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 46.92% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.60 บาท
 
ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับเพิ่มขึ้น 0.88 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 33.85% มาอยู่ที่ 3.48 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 1,169.93 ล้านบาท

ทั้งนี้ NL ประกอบธุรกิจให้บริการสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างงานอาคารทุกประเภท รวมทั้งการติดตั้งงานระบบวิศวกรรมต่างๆ 

NL เสนอราคาขาย IPO ที่ 2.60 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 130,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 26.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจของบริษัทภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับบริษัท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้

1.เพื่อเป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้างใหม่ สำหรับใช้ในงานโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ได้ส่งมอบและงานโครงการก่อสร้างใหม่ในอนาคต
2.เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,707.01 ล้านบาท 1,405.50 ล้านบาท และ 1,239.19 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 50.90 ล้านบาท 57.33 ล้านบาท และ 57.33 ล้านบาท ตามลำดับ
 
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,716.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 104.55 ล้านบาท 

นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจก่อสร้างและงานติดตั้งระบบวิศวกรรมครบวงจรชั้นนำ สามารถรับงานได้หลากหลายประเภท ที่มาพร้อมกับศักยภาพการเติบโตของธุรกิจและอัตรากำไรสุทธิที่ค่อนข้างโดดเด่น ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในความซื่อสัตย์ รับผิดชอบทั้งต่อลูกค้า คู่ค้า สังคม และชุมชน พร้อมขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 

โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจในปี 2567 สอดรับกับทิศทางของภาคอสังหาริมทรัพย์ และเมกะเทรนด์ด้านเฮลท์แคร์ที่กำลังขยายตัว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลงานใหม่ จำนวน 3 โครงการ ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จาก ณ สิ้นงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 2,107.25 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในระหว่างปี 2566-2568