JPC เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น สู่ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน

นายจรัญ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 

โดยปัจจุบันแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ

หลังจากเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2566 ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อออกและเสนอขายหุ้น IPO และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน จำนวน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจํานวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 222 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 444 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จํานวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ของภูมิภาคอาเซียน จากการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิต จัดหาและจัดจำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ (กลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่น) 

รวมทั้งเป็นผู้ผลิต จัดหาและจำหน่ายที่นอนและเครื่องนอน ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ (กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน) ที่ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 

ภายใต้แบรนด์สินค้าที่กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ (In-house Brand) รวมทั้งแบรนด์ที่บริษัทได้รับสิทธิ์ให้ผลิตและเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ หรือได้รับสัญญาแฟรนไชส์ (Import Brand) รวมกันกว่า 25 แบรนด์ชั้นนำเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มทุกไลฟ์สไตล์ด้วยคุณภาพ และมาตรฐานระดับสากล สร้างการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

สำหรับแผนการขยายธุรกิจขของกลุ่มบริษัท ได้แก่ การขยายสาขาและจุดจำหน่ายสินค้า, การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายต่าง ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ของอุตสาหกรรม รวมทั้งการขยายตลาดเข้าสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน

นายจรัญ กล่าวว่า ภาพรวมยอดขายของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าระหว่างปี 2566-2570 คาดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 6.8% ต่อปี ทำให้ยอดขายของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าในปี 2570 เพิ่มขึ้นเป็น 420,423 ล้านบาท จากปี 2565 อยู่ที่ 302,751 ล้านบาท

ขณะที่ ขนาดของตลาดที่นอน เครื่องนอนและผ้าปูที่นอนในประเทศไทย ปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 5,863 ล้านบาท จากปี 2565 อยู่ที่ 5,310 ล้านบาท และระหว่างปี 2566-2570 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3% ต่อปี 

“การแข่งขันในอุตสาหกรรมมีอยู่แล้ว แต่เรามั่นใจว่าเราแข็งแรงด้านนี้มาก ด้วยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 70 ปี เรามีความเข้าใจในอุตสาหกรรมแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เห็นถึงเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพื่อนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบสร้างสรรค์และจัดหา เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้านแฟชั่นของผู้บริโภคที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และผลักดันการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายจรัญ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,020.59 ล้านบาท 9,153.06 ล้านบาท 11,854.33 ล้านบาท ตามลำดับ และมีผลขาดทุนสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 153.2 ล้านบาท ส่วนปี 2564-2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 221.5 ล้านบาท และ 914.5 ล้านบาท ตามลำดับ 

ขณะที่ในไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,932.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 242.99 ล้านบาท 

นายวิเศษ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของประเทศไทย (อ้างอิงจาก Euromonitor International) 

โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในช่วงปี 2563-2565 อยู่ที่ 8.4% 10% และ 10.5% ตามลำดับ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้วยประสบการณ์ที่มีความเข้าใจในอุตสาหกรรมและมีประสบการณ์การออกแบบและจัดหาผลิตภัณฑ์โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัททั้งกลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่นและธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน ภายใต้แบรนด์สินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งกลุ่ม In-house Brand และ Import Brand โดยแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์และการออกแบบที่แตกต่างกัน ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีสินค้าในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น จำนวน 19 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 10 แบรนด์ ส่วน Import Brand จำนวน 9 แบรนด์ 

โดยเป็นสินค้าแฟชั่นที่มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม มีความทันสมัยและหลากหลายมากกว่า 113,000 SKUs ครอบคลุมสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางและแว่นตา เป็นต้น 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน มีจำนวน 6 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 3 แบรนด์ และ Import Brand จำนวน 3 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 21,500 SKUs

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายสาขาหน้าร้านและจุดจำหน่ายภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และศูนย์ค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ รวม970 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 888 สาขา และต่างประเทศ 82 สาขา

ขณะเดียวกัน สำหรับกลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่น ยังมีการจำหน่ายเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กลุ่มบริษัทฯและแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ต่าง ๆ (Marketplace) และสำหรับกลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอนยังมีการจำหน่ายเพิ่มเติมผ่านการขายงานโครงการและส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

นายยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีสาขาและจุดจำหน่ายสินค้าภายในศูนย์การค้าชั้นนำในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซียและกัมพูชา รวมถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อสินค้าที่มีความแตกต่างกันของลูกค้า 

นอกจากนี้ มีแผนขยายตลาดไปยังประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูงเพิ่มเติม จำนวน 44 สาขา ภายในปี 2567 เพื่อรับโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดย ฟิลิปปินส์ จะเป็นประเทศที่ 4 ที่จะมีการขยายสาขา 

กลุ่มบริษัทมีศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ด้วยข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันในฐานะผู้นำในธุรกิจสินค้าแฟชั่นในประเทศไทย ที่มีแบรนด์สินค้าชั้นนำที่หลากหลายครอบคลุมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้รับการยอมรับในระดับสากล จากการทำดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ 

โดย JASPAL ถือเป็นแบรนด์แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำ Brand Collaboration ร่วมกับดีไซเนอร์ระดับโลกเพื่อสร้างสรรค์คอลเลคชั่นพิเศษ หรือการเลือกใช้ซูเปอร์โมเดลระดับโลกและเซเลบริตี้ นักแสดง นักร้องระดับโลก มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่แบรนด์ในกลุ่มบริษัทฯ เป็นต้น

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.