ฮั่วเซ่งเฮงมองราคาทองสัปดาห์นี้ปรับลงต่อเจอแนวต้านสูงสุด 2,060 ดอลลาร์
ฮั่วเซ่งเฮงให้มุมมองราคาทองสัปดาห์นี้ว่าจะปรับตัวลงได้ต่อ โดยราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,030 ดอลลาร์ และ 2,010 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,055 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,060 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 34,150 บาท และ 34,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 34,400 บาท และ 34,500 บาท
สำหรับปัจจัยที่จะหนุนทิศทางราคาทองสัปดาห์นี้คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส และธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ขณะที่มีปัจจัยลบคือความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะตรึงดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ความตีงเครียดในตะวันออกกลาง ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่อาจทำให้สหรัฐต้องเผชิญหน้ากับอิหร่าน จึงอาจนำไปสู่สงครามขยายวงกว้างมากขึ้น จากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนักจากรัฐสภาให้เปิดศึกตอบโต้อิหร่าน หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธที่ได้รับสนันสนุนจากอิหร่านส่งโดรนโจมตีฐานทัพสหรัฐในจอร์แดน
ขณะที่สหรัฐยังต้องเผชิญกับศึกใน ไม่ใช่แค่ความขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น ยังมีประเด็นที่รัฐเท็กซัสต้องการที่จะแยกตัวจากสหรัฐ ด้วยสาเหตุจากปัญหาผู้อพยพ หลังจากรัฐบาลโดยเฉพาะภายใต้บริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้รัฐเท็กซัสเปิดรับผู้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยและให้สัญชาติ
ทั้งนี้ฮั่วเซ่งเฮงมองว่าเป็นการสร้างฐานเสียงของพรรคเดโมแครตมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อมูลปี 2566 ระบุถึงหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ (U.S. Border Patrol) ได้มีรายงานจับกุมผู้อพยพที่ผิดกฎหมายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.4 ล้านครั้งที่ชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่สำนักงานของผู้ว่ากลางรัฐได้รับการสนับสนุนจากรัฐต่างๆอีก 25 รัฐ ที่อยู่ในสังกัดพรรครีพับลิกัน ก็ได้ออกมาซัพพอร์ตการยืนหยัดงัดกับรัฐบาลกลางเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านพรมแดน ซึ่งอาจนำไปสู่จุดเริ่มต้นของความแตกแยกของอเมริกาในรอบหลาย 10 ปี ซึ่งจะสะท้อนจุดยืนของสหรัฐที่มีต่อเวทีโลกว่ากำลังอ่อนแอ
ส่วนทางด้านศาลฐีกา (Supreme court) ของรัฐบาลกลางสหรัฐได้ทำการอนุญาติให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางเข้าไปรื้อถอนรั้วหรือลวดหนามที่อยู่บริเวณชายแดนระหว่างรัฐเท็กซัสกับเม็กซิโก ที่รัฐบาลกับรัฐเท็กซัสสร้างไว้เพื่อป้องกันผู้อพยพข้ามชายแดนอย่างผิดกฎหมาย ทำให้ชาวเท็กซัสมีความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากรัฐเท็กซัสแยกตัวเป็นเอกราชนั้น พบว่าแค่รัฐเท็กซัสรัฐเดียว ก็มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งใหญ่พอ ๆ กับ GDP ของอิตาลีทั้งประเทศ ซึ่งเป็นรองแค่รัฐแคลิฟอร์เนีย และยังมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก หากนำรัฐเท็กซัสมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย ก็จะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าประมาณ 4.36 เท่า และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญก็คือ อุตสาหกรรมน้ำมัน ที่มีการผลิตกว่า 40% ของประเทศ และได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งพลังงานของโลก
ถ้ารัฐเท็กซัสแยกตัวเป็นประเทศ ก็ถือว่าเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดลำดับที่ 4 โลก เท่ากับประเทศอิรักในปัจจุบัน ปัญหาก็คือ รายได้ของสหรัฐส่วนหนึ่งก็มาจากรัฐเท็กซัส ซึ่งตอนนี้สหรัฐก็เผชิญหนี้สาธารณะสูงมาก (ปัจจุบันอยู่ที่ 34.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งอาจทำให้รายได้ลดลง รายจ่ายมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้สหรัฐที่เป็นประเทศมหาอำนาจต่อเวทีโลกอ่อนแอลง เงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าลง
ทั้งนี้ฮั่วเซ่งเฮงมีมุมมองว่า การที่รัฐเท็กซัสจแยกตัวจากสหรัฐมีความเป็นได้ค่อนข้างยาก ในแง่รัฐธรรมนูญ ศาลฐีกาเคยให้คำตัดสินว่า สหรัฐถือว่าเป็นรัฐที่มีความเป็นเอกภาพ การที่รัฐใดรัฐหนึ่งจะขอแยกตัวเองนั้น ต้องได้รับอนุญาติทั้งสองฝ่าย ทั้งฝั่งเท็กซัสและฝั่งรัฐบาลกลาง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะถูกขัดขวางจากฝั่งรัฐบาลกลาง
ดังนั้นจึงมีมุมมองว่าเป็นเพียงประเด็นทางการเมืองมากกว่า โดยเฉพาะปีนี้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้ชนะในการเลือกตั้งในรัฐ Lowa และมีความเป็นไปได้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์จะมีโอกาสได้รับให้เป็นตัวแทนของพรรค แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธานาธิบดีสหรัฐ แล้วตอนนี้คะแนนความนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์มากกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน การที่รัฐที่เป็นฐานเสียงพรรครีพับลิกันสนับสนุนให้รัฐเท็กซัสแยกตัว เหมือนสร้างประเด็นด้านการเมืองให้ความนิยมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หรือพรรคแดโมแครตยิ่งลดลง
ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 5 – 9 ก.พ. 2567 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 311 ราย ในจำนวนนี้มี 166 ราย หรือเทียบเป็น 53% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 78 ราย หรือเทียบเป็น 25% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 67 ราย หรือเทียบเป็น 22% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ราคาทองคำ
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 34,050 – 34,350 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 34,350 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 250 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 34,100 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1. สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยสหรัฐฯ และอิหร่านมีความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้าทางทหารโดยตรง หลังกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านส่งโดรนโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในจอร์แดน อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กำลังมีการเจรจาข้อตกลงพักรบระหว่างอิสราเอล กับกลุ่มฮามาส รวมถึงการปล่อยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไว้ โดยข้อตกลงนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการยุติความขัดแย้ง
2. การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ในวันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยอาจส่งสัญญาณพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคบริการของเดือน มกราคม 2567 และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.