จุลพันธ์ รับแล้ว เงินดิจิทัลวอลเลต แจกไม่ทันพ.ค.67 ยันไม่ยุติโครงการ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่า รัฐบาลไม่สามารถแจกเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้ทันตามที่ประกาศไว้ คือ วันที่ 1 พ.ค.2567 นี้ เนื่องจากต้องรอรับฟังความคิดเห็นรอบด้านจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. หลังมีความเห็นต่อโครงการดังกล่าว ภายหลังพิจารณาความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างรอบคอบแล้ว คำตอบของกฤษฎี เป็นคำตอบเชิงกฎหมาย ไม่ได้ห้ามดำเนินการ หรือสั่งการให้ดำเนินการ ซึ่งบอร์ด จะต้องรับฟัง และปฏิบัติให้เข้ากับข้อกฎหมาย แต่หากความเห็นจากกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีการเผยแพร่เป็นความจริง ก็มีการวางธงไว้ชัดเจนว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ 
 

“ จากปัญหา และความเห็นที่เกิดขึ้นต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อพิจารณาจากกรอบเวลาแล้ว ไม่น่าทันเดือนพฤษภาคม แต่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยยังไม่เปลี่ยนเป็นการใช้งบประมาณปกติ แต่ยังคงพยามที่จะออกเป็นพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อทำโครงการต่อไป  แต่จะรอเอกสารปปช.ก่อเดินหน้า”นายจุลพันธ์ กล่าว

 

สำหรับ ขั้นตอนต่อจากนี้ รัฐบาล จะรอความเห็นจากกรรมการ ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการ ก่อนประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อพิจารณาความเห็นจากทั้ง ป.ป.ช. และกฤษฎีกาในคราวเดียวกัน และเริ่มกระบวนการฟังความเห็นเพิ่มเติม และทำความเข้าใจ ชี้แจงข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน สถานการณ์เศรษฐกิจจริง ความเดือดร้อนจริงของประชาชน กับหน่วยงานที่ยังไม่เห็นเจตนาดีของรัฐบาล และความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งอาจต้องใช้เวลา เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายนี้ให้ได้โดยที่สุด  

 

นายจุลพันธ์ ยังระบุอีกว่า แม้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นนโยบายที่ได้รับการรับรองจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว แต่ก็มีบางองค์กร เช่น ป.ป.ช. และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาล และไม่เข้าใจความพยายามของรัฐบาล ยังไม่เห็นวิกฤตเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลพยายามสื่อสาร ซึ่งวิกฤตขณะนี้ ไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ หรือเป็นเพียงโครงสร้าง แต่เป็นวิกฤตการเห็นอกเห็นใจประชาชนที่มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ดังนั้น “ระบอบประชาธิปไตยที่ไร้ความเข้าอกเข้าใจ” หรือ “Democracy without Empathy” จึงเป็นทุนนิยมที่ไม่มีหัวใจไปเข้าใจถึงผู้เดือดร้อน ซึ่งล้มเหลว พร้อมชี้แจงว่า รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่พบประชาชนทั่วประเทศ และเห็นความเดือดร้อนของประชาชน และไม่ได้ทำงานเพียงในห้องแอร์ และประชาชนต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รวมถึงรัฐบาลไม่ได้มองเศรษฐกิจเป็นเพียงหนังสือแบบเรียน แต่มองเศรษฐกิจในมิติความเป็นจริงของชีวิตประชาชนที่เดือดร้อน 

 

นายจุลพันธ์ ยังยืนยันด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่อนุบาลทางการเมือง และเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมีหน้าที่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย โดยได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ดังนั้น จึงจะทำให้สำเร็จ 

 

ขณะนี้ รัฐบาลไม่ได้อยู่เฉย และพร้อมแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัด แม้เครื่องมือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอาจต้องเลื่อนเวลาออกไปบ้าง หากจำเป็นจะต้องชะลอระหว่างการรอความเห็นออกไปออกไป เพื่อให้สามารถทำเรื่องอื่นได้ รัฐบาลก็ยินดี 

 

ส่วนจะมีโอกาสที่รัฐบาลจะล้มเลิกโครงการดังกล่าวนี้หรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ยังไม่เห็นจุดนั้น ส่วนใครจะเป็นผู้ชี้ขาดว่า จะเดินหน้า หรือยุติโครงการนั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า จะต้องรอการพูดคุยกัน

 

ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมือง รวมไปถึงวุฒิสภา กำลังมองรัฐบาลดันทุรังเดินหน้าโครงการนี้นั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ไม่ใช่การดันทุรัง แต่เป็นการเห็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ การเจริญเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ หากไม่ได้ลงพื้นที่สัมผัสประชาชน ก็จะไม่เห็นปัญหานี้ แต่รัฐบาล ก็จะพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหา และความจำเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งตามศักยภาพของประเทศไทย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ดันทุรัง แต่ตั้งใจทำเพื่อประชาชน และประชาชนเห็นชอบผ่านการเลือกตั้งแล้ว จึงเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลในการเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน พร้อมปัดกระแสข่าวที่รัฐบาลจะลดวงเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จาก 500,000 ล้านบาท เหลือ 300,000 ล้านบาท โดยยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่เคยมีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.