เปิดชนวนเหตุ “ประเดช” ฟ้องกรรมการ NUSA ปมอนุมัติขายทรัพย์สิน 1.1 หมื่นล้าน

นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่า จากกรณี นายประเดช กิตติอิสรานนท์ นำทีม 6 กรรมการ NUSA เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท และกรรมการ 7 คนของ NUSA ในการสนับสนุนให้ผู้บริหารขายทรัพย์สิน บริษัทล็อตใหญ่ 6 รายการ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท หรือเกือบ 70% ของทรัพย์สินทั้งหมด โดยไม่มีอำนาจ และแผนรองรับที่ชัดเจน ชี้ละเมิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

ล่าสุดในวันที่ 26 ธ.ค.2566 ฝ่ายบริหารของบริษัทได้รับหมายเรียกและสำเนาคําฟ้อง จากนายประเดช กิตติอิสรานนท์ กับพวก รวม 6 คน โจทก์ฟ้อง NUSA และกรรมการ รวม 8 คน เป็นจำเลย ในคดีแพ่ง เลขคดีดำที่ 16055/2566 ลงวันที่ 19 ธ.ค.2566 โดยวิธีปิดหมาย ลงวันที่ 24 ธ.ค.2566 

โดยวัตถุประสงค์ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 12/2566 ลงวันที่ 7 ธ.ค.2566 วาระ 5.1 เรื่องการขายหรือจําหน่ายทรัพย์สิน 6 รายการ และห้ามจําหน่าย

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของบริษัทขอเรียนให้ทราบว่าคดีดังกล่าว ศาลแพ่งได้กำหนดนัดพิจารณาชี้สองสถาน เพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทในคดี ในวันที่ 4 มี.ค.2567 เวลา 13.30 น. ซึ่งฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการมอบหมายฝ่ายกฎหมายและทีมทนายความดำเนินการต่อไป 

นายวิษณุ กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวคาดว่าการฟ้องร้องดังกล่าวมาจากการกรณีกรรมการบริษัทอนุมัติหลักการขายสินทรัพย์ และเปิดรายละเอียดของทรัพย์สิน 6 รายการ ซึ่ง 1 ใน 6 รายการ มีรายการขายหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ที่บริษัทถืออยู่จำนวน 7,748,294 หุ้น คิดเป็น 7.12% 

ขณะเดียวกัน ประเด็นคำฟ้องของโจทก์ในคดีดังกล่าว ขัดแย้งกับรายงานการประชุม ซึ่งฝ่ายบริหารได้จัดทำรายงานการประชุมตามบันทึกภาพและเสียงการประชุม โดยฝ่ายบริหารฯ ได้เสนอจำหน่ายทรัพย์สิน เพื่อลดภาระหนี้สิน ประกอบกับราคาหุ้นของบริษัทมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าบัญชีเพียง 40% โดยเฉลี่ย 

ทั้งนี้ การเสนอวาระพิจารณาการจำหน่ายทรัพย์สิน เป็นเพียงการเสนอเพื่อขออนุมัติหลักการ มิใช่การจำหน่ายในทางปฏิบัติ เพราะฝ่ายบริหารฯ ต้องทำการสำรวจความต้องการของผู้ซื้อ จากนั้นจะคัดเลือกสินทรัพย์ประมาณ 1 หรือ 2 รายการ เพื่อทำการขายโดยเปิดเผยตามขั้นตอน ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

ดังนั้นการขายสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้ดำเนินการในการขาย ย่อมไม่เป็นการลิดรอนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่อย่างใด คดีฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูล

นอกจากนี้ บิดเบือนข้อมมูลผ่านสื่อต่างๆ จนทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ NUSA และบริษัทเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งยังไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน 

ดังนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อเตรียมดำเนินการฟ้องกลับนายประเดช ทั้งแพ่งและอาญา เนื่องจากทำให้ชื่อเสียงของบริษัท และผู้บริหาร เสียหาย จากการบิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าว 

“สินทรัพย์ทั้ง 6 รายการ เราไม่ได้ขายยกล็อตใหญ่ทั้งหมด เป็นแค่การขออนุติหลักการ และเปิดรายการทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องและมีหนี้สินน้อย ที่พร้อมนำออกมาขาย โดยตั้งใจขายแค่ 1-2 รายการ เพื่อให้เพียงพอต่อการชำระหนี้ที่ครบกำหนดในปี 2567 เท่านั้น ซึ่งมูลค่าไม่ถึง 50% ของทรัพย์สินทั้งหมด ที่มีกว่า 16,000 ล้านบาท หรือไม่ถึง 8,000 ล้านบาท จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ” นายวิษณุ กล่าว 

สำหรับหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในปี 2567 รวมมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนด จำนวน 750 ล้านบาท และหนี้ค่าก่อสร้างโครงการเลเจนด์สยาม พัทยา ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีหนี้รวมมูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาท 

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีผลขาดทุนสะสมประมาณ 3,400 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนสะสมบางจำนวนจะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปี 2567 การจำหน่ายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี จะทำให้บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด โดยสาเหตุที่บริษัทมีผลขาดทุนสะสมในระดับสูงเป็นผลมาจากภาระดอกเบี้ยที่บริษัทแบกต้นทุนค่าที่ดินที่อยู่ระหว่างรอการพัฒนา 

ส่วนในปี 2567 บริษัทมีแผนลงทุน 2 โครงการ ในรูปแบบการร่วมทุน (JV) มูลค่าโครงการละไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะมีการเปิดแผนการลงทุนร่วมกับพันธมิตร เพื่อพัฒนาพื้นที่ภายในโครงการ มาย โอโซน เขาใหญ่ ในรูปแบบโรงแรมและเรสซิเด้นท์ ในเดือน ม.ค.2567 และอีก 1 โครงการ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ศรีราชา พัทยา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดินอยู่แล้ว 

นายวิษณุ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังคงแบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะมุ่งเน้นขยายธุรกิจเป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงสุขภาพ

2.ธุรกิจพลังงาน ปัจจุบันบริษัท ถือหุ้น WEH สัดส่วน 7.12% และ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO สัดส่วน 23.28% ซึ่งบริษัทได้รับเป็นเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้น กรณีหากมีการขายหุ้น WEH ได้ เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อแผน Backdoor Listing 

และ 3.ธุรกิจสุขภาพ จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจสุขภาพเพื่อการท่องเที่ยว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.