ฮั่วเซ่งเฮงชี้ราคาทองสัปดาห์นี้ไม่พ้น2,075ดอลลาร์คาดปีหน้าทะยานต่อ

ทิศทางราคาทองคำสัปดาห์นี้ ในมุมมองของฮั่วเซ่งเฮงคาดว่าปริมาณการซื้อขายทองคำจะเริ่มเบาบางลง เนื่องจากตลาดการเงินหลายประเทศมีการปิดทำการในวันคริสต์มาส ได้แก่ สหรัฐ ประเทศในกลุ่มยูโรโซน ฮ่องกง ประกอบกับช่วงสัปดาห์สุดท้ายของสิ้นปี นักลงทุนมักจะเริ่มชะลอการซื้อขายลง ก่อนที่จะมีการหยุดยาว และนักลงทุนบางคนอาจจะเริ่มหยุดยาวนับตั้งแต่วันคริสต์มาสไปจนถึงช่วงขึ้นปีใหม่ ปริมาณซื้อขายทองคำจึงอาจเบาบาง

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำจะเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า หากนักลงทุนถือทองคำไว้ ยังสามารถถือต่อได้ข้ามปี เพราะต้นปีหน้า คาดว่าราคาทองคำจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ด้วยแรงหนุนหลายประการ ได้แก่ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับไต้หวัน  ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในเดือนม.ค. แรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้าง

ทั้งนี้มองว่า ด้วยแรงซื้อทองคำจากจีนอาจจะเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลง จากแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง  อัตราดอกเบี้ยขาลงของเฟด  ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส รัสเซีย-ยูเครน  ก็ยังส่งผลบวกต่อราคาทองคำ อีกทั้งปีหน้าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องติดตามที่อาจส่งผลต่อเกมโลกที่อาจเปลี่ยนไป

สำหรับแท่งเทียนของราคาทองคำเกิดรูปแบบ Bearish Shooting Star ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น จากนั้นเกิดแรงเทขายออกมา แนะนำเข้าซื้อหากราคาทองคำอ่อนตัว เนื่องจากราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ในระยะต่อไป สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  2,027 ดอลลาร์ และ 2,010 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,070 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,075 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,500 บาท และ 33,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,800 บาท และ 33,950 บาท

ทั้งนี้ฮั่วเซ่งเฮงมองว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดทองคำเป็นบวก จะมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ตลอดจนเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้นในปี 2567 ด้านปัจจัยลบคือ ความต้องการทองคำจากจีนลดลง

ทองคำปีนี้แตะระดับสูงสุดประวัติการณ์ ปีหน้าทองขึ้นต่อ

ราคาทองคำ spot ปีนี้ได้ปรับตัวขึ้นกว่า  12.57% จากต้นปี ซึ่งในปีนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,144 ดอลลาร์ จากปัจจัยหนุนการส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.2567 ขณะที่ราคาทองคำในประเทศได้ปรับตัวขึ้นกว่า 12.73%  และปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 34,250 บาท โดยราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาทองคำต่างประเทศ จากแรงหนุนเสริมมาจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยในปีนี้ โดยเงินบาทอ่อนค่า 0.11%

สรุปภาพราคาทองคำปีนี้

ทั้งนี้ปีนี้ราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลายประการ นั่นคือ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ทำให้มีการคาดว่าดอกเบี้ยขาขึ้นของเฟดใกล้จะยุติลงแล้ว และเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2567  ซึ่งปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำตลอดทั้งปี ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุ All time high 2 รอบ

โดยรอบแรกราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงสู่ระดับ 2,078 ดอลลาร์ ทะลุ All time high เดิมที่ระดับ 2,075 ดอลลาร์ในอดีต   จากเฟดส่งสัญญาณว่าอาจหยุดใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยหลังจากเพิ่มขึ้น 10 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่ปีที่ผ่านมา 

ส่วนรอบ 2 ราคาทองคำพุ่งขึ้นทะลุ All time high อีกครั้งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์ จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีหน้า ประการต่อมา คือ ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และในช่วงเดือนก.ค. รัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำ สร้างความกังวลว่าราคาอาหารต่างๆ จะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง และส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อทั่วโลก

นอกจากนี้ ได้เกิดสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาสขึ้นมา สร้างความกังวลในช่วงแรกว่า สงครามอาจขยายเป็นวงกว้างขึ้น หากว่าอิหร่านเข้าร่วมสงคราม เนื่องจากอิหร่านมีแนวโน้มที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ที่มีการขนส่งน้ำมันปริมาณรวม 17.2 ล้านบาร์เรลในแต่ละวัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของการขนส่งทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น กระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง แต่สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสยังอยู่ในวงจำกัดขณะนี้ 

ประการสุดท้าย คือการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำกว่า 842 ตัน ภายใน 10 เดือนแรกของปีนี้ จากปี 2565 ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองกว่า 1,136 ตัน หรือมูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่ามากสุดในรอบ 55 ปีนับตั้งแต่ปี 2510 ซึ่งในปีนี้ธนาคารประชาชนจีนได้เข้าซื้อทองคำมากที่สุดกว่า 204 ตัน (ข้อมูลถึง 31 ตุลาคม 2566) รวมเพิ่มปริมาณสำรองเป็น 2,215 ตัน  ซึ่งถือว่าเป็นการเดินหน้าเข้าซื้อทองคำติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 

แม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปริมาณสำรองทองคำยังคิดเป็นเพียง 4% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ รองลงมาคือ ธนาคารแห่งชาติแห่งโปแลนด์ที่มีเข้าซื้อทองคำรวมกว่า 111 ตัน โดยธนาคารแห่งชาติแห่งโปแลนด์มีแผนที่จะซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 100 ตันในทุกปี โดยจะเพิ่มปริมาณสำรองแตะระดับ 20% จากปัจจุบัน 11% ของทุนสำรอง

สำหรับผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 25-29 ธ.ค.66 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 4 ราย หรือเทียบเป็น 29% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 8 ราย หรือเทียบเป็น 57% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 321 ราย ในจำนวนนี้มี 202 ราย หรือเทียบเป็น 63% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 62 ราย หรือเทียบเป็น 19% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 57 ราย หรือเทียบเป็น 18% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ราคาทองคำ ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 33,450 – 33,700 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 33,650 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 250 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 33,400 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอล- ฮามาส หลังจากกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ประกาศจะโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงเพื่อตอบโต้อิสราเอลโจมตีชาวฮามาส ส่งผลให้แนวโน้มสถานการณ์ตึงเครียดในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ ได้ประกาศจัดตั้งหน่วยพิเศษร่วมกับชาติพันธมิตร ภายใต้ปฏิบัติการที่ชื่อว่า “Operation Prosperity Guardian” เพื่อรับมือกับการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตี

2. บรรยากาศการซื้อขายของตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดทองคำยังคงเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการเข้าตลาดก่อนช่วงวันหยุดปลายปี เพราะตลาดเงินตลาดทุนหลายประเทศหยุดยาวต่อเนื่อง ทั้งในวัน Christmas Eve, Christmas Day และบางประเทศหยุดในวัน Boxing Day ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมักจะแคบลงหลังช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนถึงเทศกาลปีใหม่

3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเขตชิคาโก และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.