PTTEP ทุ่ม 2.4 หมื่นล้านลุยโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งสกอตแลนด์

     นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัท FutureTech SG Pte. Ltd. (หรือ FSG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 50 ในบริษัท TotalEnergies Renewables Seagreen Holdco (TERSH) จากกลุ่มบริษัท TotalEnergies SE ซึ่งมีการลงทุนในโครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสกอตแลนด์

     โดยการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนดังกล่าว มีมูลค่าประมาณ 522 ล้านปอนด์เสตอร์ลิง (เทียบเท่า 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 24,015 ล้านบาท)

     ทั้งนี้ TERSH มีการลงทุนในโครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม ร้อยละ 51 ภายหลังการซื้อขายเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ FSG ถือหุ้นโดยอ้อมร้อยละ 25.5 ในโครงการดังกล่าวตามสัดส่วนการลงทุน

     โครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม ตั้งอยู่บริเวณทะเลเหนือ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงด้านทรัพยากรลม ห่างจากชายฝั่งประเทศสกอตแลนด์ ประมาณ 27 กิโลเมตร ได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 1.1 กิกะวัตต์

     โดยมีผู้ดำเนินการคือบริษัท SSE Renewables Services (UK) Ltd (SSE) ซึ่งถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 49 

     ทั้งนี้ SSE และกลุ่มบริษัท TotalEnergies SE เป็นผู้พัฒนาและดำเนินงานโครงการพลังงานทดแทนชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการและพัฒนาโครงการ ซึ่งถือเป็นผู้ร่วมทุนทางกลยุทธ์ที่สำคัญของ ปตท.สผ. โดยโครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม มีแนวโน้มที่จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสหราชอาณาจักรมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต การผลิตไฟฟ้าจากโครงการนี้คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ทั้งหมด 2 ล้านตันต่อปี เมื่อเทียบกับการต้องผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

     “การเข้าลงทุนในโครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม ถือเป็นก้าวสำคัญของ ปตท.สผ. ในการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทด้านการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (new business for energy transition) ซึ่ง ปตท.สผ. จะใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหารโครงการนอกชายฝั่งที่เรามีอยู่ ต่อยอดกับพันธมิตรเดิมในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อร่วมดำเนินโครงการ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ ปตท.สผ. มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนนอกชายฝั่ง เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดอื่น ๆ ในอนาคตด้วย นอกจากนี้ การเข้าลงทุนในโครงการซีกรีน ออฟชอร์ วินด์ฟาร์ม ยังมีความเสี่ยงในระดับต่ำ เนื่องจากได้เริ่มการผลิตไฟฟ้าแล้ว ซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้ทันที รวมถึง ยังเป็นการลงทุนในประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนด้านพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องด้วย” นายมนตรี กล่าว

     นอกจากการเข้าร่วมการลงทุนในโครงการดังกล่าวแล้ว ปตท.สผ. ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding หรือ MoU) กับ TotalEnergies เพื่อขยายความร่วมมือในการลงทุนในโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งอื่น ๆ รวมทั้งหาโอกาสการลงทุนร่วมกันในธุรกิจพลังงานสะอาด ทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันในอนาคต

     ทั้งนี้ FSG ถือหุ้นโดยบริษัท ฟิวเจอร์เทค เอนเนอร์ยี่ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ FTEV ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. โดย FTEV ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสะอาด เช่น พลังงานหมุนเวียน และไฮโดรเจน เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งก่อนหน้านี้ FTEV ได้เข้าร่วมลงทุนและพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ในรัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งจะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมาใช้ในการผลิตกรีนไฮโดรเจน และยังพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ลานแสงอรุณ" เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตปิโตรเลียมในโครงการเอส 1 ในประเทศไทยด้วย

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.