BOI หนุน SMEs แล้วกว่า 1.68 แสนล้าน เน้นยกระดับการแข่งขันอัปเกรดศักยภาพ

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  (บีโอไอ) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงความคืบหน้าของการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กับโพสต์ทูเดย์ว่า ตั้งแต่ปี 2561 ถึงเดือนกันยายน 2566 มีการขอรับการส่งเสริมของ SMEs ทั้งสิ้น 4,160 โครงการ เป็นเงินลงทุนรวม 168,251 ล้านบาท หรืออยู่ที่ราว 15-20% ของมูลค่าส่งเสริมการลงทุนรวม

ทั้งนี้การสนับสนุนของ BOI ส่วนใหญ่จะเป็นกิจการภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมสนับสนุน (การผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ) อุตสาหกรรมดิจิทัล ตลอดจนอุตสาหกรรม สร้างสรรค์ อุตสาหกรรมการแพทย์ เช่น การวิจัยทางการแพทย์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น

สำหรับมาตรการหลักที่ BOI ให้การสนับสนุนกับ SMEs มีหลายด้าน ตามที่นายนฤตม์กล่าวว่าเริ่มจากมาตรการทางภาษีสำหรับ SMEs โดยให้สิทธิประโยชน์พิเศษเป็นแต้มต่อหรือผ่อนผันเกณฑ์บางเรื่อง เช่น เครื่องจักรใช้แล้ว อีกทั้งมาตรการยกระดับ SMEs ให้ Smart ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้ระบบดิจิทัล เครื่องจักรทันสมัย ยกระดับไปสู่มาตรฐานสากล เช่น GAP, FSC) และ Green (เช่น อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน , พลังงานหมุนเวียน)

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมให้บริษัทใหญ่ช่วยพัฒนา SMEs ที่เป็น Local Supplier รวมถึงมาตรการส่งเสริมให้บริษัทใหญ่ช่วยพัฒนาผู้ประกอบการในชุมชน วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม  และสหกรณ์) ด้านการแปรรูปสินค้าเกษตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ท่องเที่ยวชุมชน การศึกษา สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม

เช่นเดียวกับที่จัดให้มีมาตรการส่งเสริมให้ SMEs เข้าไปอยู่ใน Global Supply Chain ของอุตสาหกรรมหลัก โดยกิจกรรมเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (BUILD) เพื่อลดการนำเข้า เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาสู่ SMEs ตลอดจนมาตรการส่งเสริมให้ SMEs ที่มีศักยภาพ ออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อแสวงหโอกาสทางธุรกิจอีกด้วย 

ไม่เพียงเท่านั้นด้วยยุทธศาสตร์ใหม่ของ BOI เพื่อตอบโจทย์เรื่อง New Economy นั้น การส่งเสริม SMEs & Startup ให้เข้มแข็งและเชื่อมต่อกับโลกก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์หลัก นอกเหนือจาก การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและสร้างความเข้มแข็ง Supply Chain การเร่งเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไปสู่ Smart & Sustainable Industry ยุทธศาสตร์ ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ และประตูการค้าการลงทุนภูมิภาค การส่งเสริมการลงทุนตามศักยภาพพื้นที่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างทั่วถึง การส่งเสริมการลงทุนเพื่อชุมชนและสังคม ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ

นายนฤตม์กล่าวอีกว่า BOI ยังมีโครงการพิเศษเพื่อเป็นมาตรการสนับสนุน SME ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ให้เข้าไปอยู่ใน EV Supply Chain ด้วย BOI Industrial Linkage & Subcontracting Program ได้แก่ งาน SUBCON THAILAND ที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมร่วมออกงานกว่า 160 บริษัทเกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 8,500 คู่ และคาดว่าจะเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 20,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับงาน   SUBCON EEC ที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมร่วมออกงานกว่า 150 บริษัท โดยเกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 840 คู่ และคาดว่าจะเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 7,300 ล้านบาท เป็นต้น

รวมถึงยังมีการจัดงานจับคู่ธุรกิจร่วมกับ BYD SOURCING DAY ที่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สมัครเข้าร่วมกิจกรรม 453 บริษัท โดย BYD คัดเลือกผู้เข้าร่วมเจรจา 177 บริษัท และคาดว่าจะเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 22,000 ล้านบาท และ NETA SOURCING DAY ซึ่งมีผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สมัครเข้าร่วมกิจกรรม 254 บริษัท โดย NETA คัดเลือกผู้เข้าร่วมเจรจา 46 บริษัท และคาดว่าจะเกิดมูลค่าซื้อขายชิ้นส่วนกว่า 870 ล้านบาท

เราจะมีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่เป็นประโยชน์กับ SMEs ตัวอย่างหนึ่งคือพยายามผลักดันให้บรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เป็น SMEs ซึ่งเป็นกลุ่ม supplier ไทยของอุตสาหกรรมหลัก ๆ เช่น การจัดงานใหญ่ประจำปี เพื่อนำผู้ผลิตรายใหญ่ที่เป็นบริษัทต่างชาติชั้นนำ มาพบกับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เป็น SMEs ไทย 

สำหรับในปีหน้า นอกจากจะยังคงจัดงานสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เช่นในปีนี้แล้ว นายนฤตม์เปิดเผยอีกว่า ทาง BOI ยังมีแผนจะเพิ่มการจัดกิจกรรมสำหรับกล่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มแผงวงจรพิมพ์หรือ PCB (Printed circuit board) กลุ่ม Semi-conductor เพื่อจะผลักดันให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs มีโอกาสต่อยอดธุรกิจ สามารถจะยกระดับการผลิตให้ได้มาตรฐานระดับบริษัทชั้นจำของโลก ตลอดจนเข้าไปอยู่ใน global supply chain ได้

อีกบทบาทสำคัญของ BOI นอกจากสนับสนุนให้ SMEs ลงทุนในเมืองไทยแล้ว นายนฤตม์กล่าวว่ายังสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นกิจการระดับกลาง ที่ต้องการขยายขีดความสามารถเพื่อลงทุนในต่างประเทศด้วย จึงมีทั้งการให้บริการข้อมูลคำปรึกษา การจัดคณะไปดูลู่ทางการลงทุน การช่วยประสานกับปลายทาง หาพาร์ทเนอร์ ประสานกับหน่วยงานรัฐที่ปลายทาง แล้วก็รวมทั้งจัดหลักสูตรอบรมเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะมีสำนักงานที่จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีคนไทยไปลงทุนกันมาก

SMEs ที่ไปลงทุนต่างประเทศ ส่วนใหญ่คือกลุ่มสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองลงมาคือกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร กลุ่มแปรรูปสินค้าเกษตร กลุ่มผลิตชิ้นส่วน

ทั้งนี้สำหรับบทบาทของ BOI ในภาพรวมนั้น นายนฤตม์เปิดเผยว่ายังต้องเร่งการขับเคลื่อนการส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกใน 4 ปีข้างหน้า พ ศ . 2567-2570 โดยขับเคลื่อนการลงทุน 5 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ คือ 1) BCG 2)Automotive (esp. EV) 3) Electronics (esp. Upstream & Smart Electronics) 4) Digital & Creative 5) Regional Headquarters& International Business Center

รวมถึงมุ่งผลักดัน 5 วาระสำคัญเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ได้แก่ 1.GreenTransformation 2.Technology Development 3.Talent Development & Attraction 4.Cluster-based Investment และ 5.Ease of Investment

นายนฤตม์ยังทิ้งท้ายถึงมุมมองที่มีต่อกิจการ SMEs อีกว่า ในความจริงแล้วยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่ติดปัญหาคอขวดในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของการเงิน ซึ่งเป็นจุดแรกที่สำคัญว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะมีเครื่องมือทางการเงิน ที่จะมาช่วยสนับสนุนได้มากเพียงพอ แต่ด้วยกลุ่ม SMEs เป็นกลุ่มคนที่ใหญ่และมีจำนวนมากเกือบ 3 ล้านราย จึงจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญว่าจะเน้นสนับสนุนกลุ่มใดเป็นหลัก 

นอกจากจากนี้ยังมองว่าจำเป็นต้องลดอุปสรรคในด้านเทคโนโลยีด้วย โดยอาจจะต้องมี facility กลางที่ให้ SMEs มาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ เช่น ห้องแล็บ หรือว่าอุปกรณ์ในการทำทดลอง ทดสอบต่าง ๆ เพราะจะให้ SME ลงทุนเองทุกรายเป็นไปไม่ได้ เพราะต้นทุนจะสูงมาก เช่นเดียวกับต้องเร่งสนับสนุนเรื่องเครือข่ายการตลาด เช่นการให้บริษัทขนาดใหญ่มาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้กับบริษัทขนาดเล็กโดยที่ทาง BOI ก็จะเป็นตัวกลางเชื่อมโยงให้อีกทางหนึ่ง