“จุลพันธ์” คอนเฟิร์ม กฤษฎีกาตอบกลับ ปมกู้เงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้นม.ค.67
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท หลังจากที่ได้มีการส่งคำถามเกี่ยวกับการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงินวงเงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ว่า ได้มีการสอบถามจากเลขาธิการกฤษฎีการแล้ว ขณะนี้เตรียมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่12 ซึ่งจะมีการประชุมอย่างต่ำ 2 ครั้ง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือน ม.ค. 2567 กฤษฎีกาจะส่งคำตอบกลับมาที่กระทรวงการคลังว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนตัวยังมั่นใจว่ากฎหมายจะผ่านชั้นกฤษฎีกาไปได้ มั่นใจว่าโครงการนี้จะต้องเกิดและเดินหน้าต่อไปได้แน่นอน ซึ่งกระบวนการหลังจากกฤษฎีกาตอบกลับมาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องมาวิเคราะห์ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีสภาวะเข้ากับองค์ประกอบหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องวิกฤตหรือไม่วิกฤต โดยหากรัฐบาลวิเคราะห์แล้วว่าเข้าองค์ประกอบก็เดินหน้าโครงการต่อทันที ส่วนจะมีใครตรวจสอบในสิ่งที่รัฐบาลวิเคราะห์ หรือที่รัฐบาลสินใจก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่
“หลังจากกฤษฎีกาส่งคำตอบกลับมาแล้วก็ต้องมาดูในรายละเอียดของคำตอบก่อนว่ามีอะไรบ้าง โดยคำถามที่ส่งไป คือ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งหากคำตอบว่าชอบด้วยกฎหมาย ขั้นตอนของการยกร่าง พ.ร.บ. จะไม่นาน ใช้เวลาสั้น ๆ และส่งไปให้กฤษฎีกาตรวจร่าง และทำองค์ประกอบอื่น ๆ ให้ครบถ้วนตามที่กฤษฎีกา หรือใครก็ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตมา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากนั้นส่งเรื่องกลับมาเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเข้าสู่สภา ซึ่งหากกระบวนการเป็นไปตามนี้ ยังเชื่อมั่นว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทจะเดินหน้าได้ตามกรอบเดิมคือ ช่วง พ.ค. 2567” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับเรื่องเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่วิกฤตนั้น คลังไม่ได้ส่งคำถามไปที่กฤษฎีกา เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของกฤษฎีกา และเชื่อว่ากฤษฎีกาก็คงจะไม่ตอบ เพราะกฤษฎีกามีหน้าที่วินิจฉัยในเรื่องของกฎหมายเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้หากมีขั้นตอนหรือหน่วยงานไหนสอบถามเข้ามาถึงเรื่องเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่เพื่อไปประกอบความเห็นใด ๆ นั้น กระทรวงการคลังก็พร้อมทำข้อมูลส่งไปตามความเป็นจริง
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยืนยันว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ไม่ดี ทุกคนเห็นตรงกันจากตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานที่ประชุม ครม. โดยระบุว่าตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 3/2566 ขยายตัวเพียง 1.5% สะท้อนชัดเจนว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ส่วนเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องหนี้สาธารณะจะเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทนั้น รัฐบาลยืนยันว่า หนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นทันที เพราะจะมีกระบวนการบริหารจัดการอยู่ โดยในรายละเอียดคือ หนี้จะเกิดขึ้นหลังจากมีการขึ้นเงินจากโครงการ ซึ่งหมายความว่าเกิดขึ้นหลังจากกระบวนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียน ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจจะมีการเติบโตขึ้น เมื่อเศรษฐกิจโตขึ้นก็จะไปลดภาระของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“รัฐบาลไม่ได้ห่วงในเรื่องประเด็นหนี้สาธารณะมากนัก เพราะจะอยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้ และอยู่ภายใต้กรอบ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ราว 62% กว่าต่อจีดีพี ถ้าเราคงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยที่ 5% และเมื่อรวมกับการขาดดุลงบประมาณประจำปีแล้ว หนี้สาธารณะจะลงไปต่ำกว่า 62% ต่อจีดีพี ไปอยู่ที่ระดับ 60% ต่อจีดีพีได้ไม่ยากนัก ภายในระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาล ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทก็จะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ” นายจุลพันธ์ กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.