หุ้นไทยดิ่งสุดรอบกว่า 3 ปีก่อนดีดขึ้นหลังมองเฟดจบขาขึ้นและส่งบาทแข็งตาม

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทพลิกแข็งค่าผ่านระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากที่อ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ หลังจากที่รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ (CPI ขยับขึ้น 0.1% MoM แต่ตลาดคาด 0.0% MoM) กระตุ้นการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะไม่รีบส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงิน โดยจะยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ และการร่วงลงอย่างหนักของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังผลการประชุมเฟดสะท้อนว่า เฟดอาจจบรอบการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่ Dot plot บ่งชี้ว่า อาจมีการเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปี 2567         

นอกจากนี้สัญญาณตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปของ ECB และ BOE ก็เพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ ขณะที่เงินบาทได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวกลับขึ้นมาของราคาทองคำในตลาดโลกและการขยับแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินในภูมิภาค 

ในวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (8 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 5,363 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 1,623 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 1,663 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 40 ล้านบาท) 

สัปดาห์ถัดไป (18-22 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ผลการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ และการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของ PBOC  

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์จากมุมมองของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนธ.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนพ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 (final) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซนและอังกฤษด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีที่ 1,354.73 จุดช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนดีดตัวขึ้นหลังผลการประชุมเฟด ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติระหว่างที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการแก้หนี้ทั้งระบบ และหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งยังเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางหุ้นต่างประเทศ หลังผลการประชุมเฟดเป็นไปตามคาด ประกอบกับเฟดได้ส่งสัญญาณจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้และอาจปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2567 ส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นในทุกอุตสาหกรรม     

ในวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,391.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.73% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,844.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.45% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.16% มาปิดที่ระดับ 395.87 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (18-22 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,370 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,425 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนธ.ค. ของจีน

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.