เริ่มเลย “ประเสริฐ” ปิดเบอร์ต้องสงสัย-จี้ถือซิมมากกว่า 5 เบอร์ยืนยันตัวตน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้มอบหมายให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องหลอกลวงออนไลน์ และข้อมูลจากศูนย์ AOC ใน เดือน 1 เดือน (1-30 พ.ย. 2566) ได้มีการรับแจ้งเข้ามาที่ศูนย์กว่า 80,000 สาย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เยอะมาก จึงต้องมีมาตรการที่เข้มข้นในการจัดการเรื่องนี้และได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) เพื่อจัดการผู้ต้องสงสัยผู้เข้าข่ายหลอกลวงโดยเฉพาะเบอร์ที่มีการโทรออก 100 ครั้งต่อวัน ให้ถือเป็นการกระทำที่ต้องสงสัยตาม มาตรา 4 พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ระงับการใช้งานทันที โดยมีผลวันนี้ (12 ธ.ค.2566)
ตั้งแต่วัน 9 - 11 ธ.ค.2566 พบเบอร์ต้องสงสัยดังกล่าว ทั้งสิ้น 12,500 เบอร์ และจะทำการพักใช้ทุกเบอร์ทันทีในวันนี้
นอกจากนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าว ยังมีอำนาจให้ผู้ถือครองเบอร์โทรศัพท์มือถือตั้งแต่ 5 เบอร์ขึ้นไป ต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วย ขณะนี้พบว่ามีจำนวน 6 ล้านเลขหมายที่ขึ้นทะเบียนแบบไม่ถูกต้องเข้าข่ายผิดกฎหมาย ดังนั้นต้องมายืนยันตัวตนภายในวันที่ 11 ม.ค. 2567 หากไม่มาดำเนินการจะถูกระงับการโทรออก และให้รับสายได้อย่างเดียว
นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับประกาศกสทช.ที่กสทช.กำลังจะออกบังคับใช้ในการลงทะเบียนยืนยันตัวตนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอรับฟังความคิดเห็น คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 วันถึงจะประกาศบังคับใช้ได้ ดังนั้นเพื่อให้การแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์รวดเร็วกระทรวงดีอีจึงขอใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ดังกล่าวได้ทันที
สำหรับสาเหตุและการใช้งานซิมโทรศัพท์ที่เป็นเหตุของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พบว่า ซิมม้าหรือซิมที่คนร้าย หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในหลอกลวงประชาชนทางออนไลน์ พบพฤติกรรมที่ต้องสงสัยในการใช้งานเพื่อเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงสร้างปัญหากับประชาชนเป็นอย่างมาก กล่าวคือ ซิมโทรศัพท์หนึ่งเบอร์ ใช้โทรออก มากกว่า 100 ครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และยังขาดการป้องกันที่ดีพอ หรือ พบการลงทะเบียนหรือ ชื่อผู้ใช้งานที่ถือครองซิมเป็นหลายร้อยเลขหมาย ที่ยังไม่ได้ยืนยันแสดงตัวตนให้ถูกต้อง อาจเป็นช่องทางของผู้ร้ายในการใช้ซิมม้าในการก่ออาชญากรรม
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการใช้บัตรประจำตัวชาวต่างด้าวมาลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งานและขายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นช่องทางให้โจรใช้ในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจับกุม ครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ อาทิ ที่ แม่สอด จังหวัดตาก พร้อมของกลางซิมพร้อมใช้งาน 4,379 หมายเลข และ ที่ชุมพร พบของกลางกว่า 10,000 หมายเลข
และ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช., พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. เชิญผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประกอบด้วยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด, บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด(มหาชน) เข้าร่วมประชุมพร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหารือเพื่อดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้
1. มอบหมายผู้รับใบอนุญาตตรวจสอบข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการประเภทบุคคลธรรมดาแบบชำระค่าบริการล่วงหน้า (Prepaid) ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไปต่อวัน ในช่วงวันที่ 9 – 11 ธ.ค. 2566 และรายงานจำนวนผู้ใช้บริการที่มีการใช้งานในลักษณะดังกล่าวมายังสำนักงาน กสทช. ภายในวันที่ 11 ธ.ค. 2566 ทางอีเมล [email protected]
2. ให้ผู้รับใบอนุญาตศึกษาทางเทคนิคเพื่อหาวิธีเก็บข้อมูลการโทรออกโดยให้รวมถึงการโทรที่ไม่สำเร็จ (โทรออกแต่ไม่มีผู้รับสาย)
3. ให้ผู้รับใบอนุญาตพิจารณาการจัดทำทะเบียน White list ผู้ใช้บริการทั้งประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่อาจมีการโทรออกตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไปต่อวันแต่มิได้ใช้ในการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (เช่น ตัวแทนจำหน่ายประกัน หรือ Call Center ของหน่วยงานต่างๆ ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป)
4. กรณี ศูนย์ AOC ตรวจสอบพบว่า หมายเลขโทรศัพท์ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของ“แก๊งคอลเซ็นเตอร์” (Tier 1) ให้ศูนย์ AOC แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการยกเลิกการให้บริการได้โดยทันที และผู้รับใบอนุญาตจะต้องการขยายผลการตรวจสอบเลขหมายอื่นของผู้ใช้บริการรายดังกล่าว (Tier 2) รวมทั้งแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นทราบและตรวจสอบด้วย โดยผู้รับใบอนุญาตจะระงับการให้บริการเลขหมาย Tier 2 เพื่อให้ผู้ใช้บริการมารายงานตน
5. กรณีเลขหมายที่อาจเข้าข่ายว่ากระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ AOC จะเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้รับใบอนุญาตส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพิจารณาการกระทำความผิด ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ตรวจสอบเส้นทางทราฟฟิกกรณีมีการใช้หมายเลขปลอม
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.