ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน ก.พ.67 “ทรงตัว” หวังเงินทุนไหลเข้าหนุน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤศจิกายน 2566 (สำรวจระหว่างวันที่ 20–30 พฤศจิกายน 2566) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 98.60 ปรับขึ้น 23.8% จากเดือนก่อนหน้าลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
โดยผลสำรวจ ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 41.0% อยู่ที่ระดับ 92.50 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 16.9% อยู่ที่ระดับ 85.71 กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 20.0% อยู่ที่ระดับ 100.00 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 35.7% อยู่ที่ระดับ 135.71 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ นโยบายการเงินของ FED ในการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมา คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และสถานการณ์เศรษฐกิจจีน
ขณะเดียวกัน หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERG) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN)
SET Index มีความผันผวนตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน 2566 จากความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ยังไม่คลี่คลาย ความไม่แน่นอนของธนาคารกลางสหรัฐในการคงหรือขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีนโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการประกาศตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 3/2566 ออกมาต่ำกว่าคาดโดยขยายตัวเพียง 1.5% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขยายตัวอยู่ที่ 1.8%
โดย SET Index ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ปิดที่ 1,380.18 ปรับตัวลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนพฤศจิกายน 2566 อยู่ที่ 45,804 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องกว่า 21,132 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 192,153 ล้านบาท
ทางด้านปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์เช่นน้ำมัน และทอง สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส การเร่งใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศที่ปรับตัวลงซึ่งอาจส่งผลเชิงบวกต่อเงินทุนที่จะไหลเข้ามายังกลุ่มตลาด emerging market
ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ปัจจัยหนุนตลาดทุนจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้ง กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินให้ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้กว่าหมื่นล้านบาท ภายในช่วงเดือนธันวาคม 2566 การเร่งอนุมัติร่างงบประมาณปี 2567 เพื่อให้รัฐบาลมีเม็ดเงินมาอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนของมาตรการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล และสถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวในช่วง High season โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์ไว้
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.